- 12 มี.ค. 2563
ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต แนวร่วมนปช.ปาระเบิดใส่มวลชนกปปส.
ที่ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา ในคดีสำคัญจากเหตุการณ์ กลุ่ม กปปส.โดนปาระเบิด และทางด้านพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็น โจทก์ฟ้อง นายกฤษฎา ไชยแค อายุ 49 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , กระทำให้เกิดการระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น , มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมถึงยังกระทำผิดฐานพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และฝ่าฝืน ประกาศ ข้อกำหนด ที่ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดออกนอกเคหะสถาน ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2557 ขณะเกิดเหตุ นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส.ได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปรากฎว่าจำเลย ซึ่งเป็นแนวร่วมฮาร์ดคอร์ กลุ่ม นปช.ได้ใช้ระเบิดสังหารขว้างใส่เวที กปปส. จนทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 26 ราย
ก่อนหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน และถูกเจ้าหน้าตำรวจติดตามจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด
ตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความพยานโจทก์ และพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบคำรับส่ารภาพแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรม
จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่จำเลยรับสารภาพและคำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2561 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ขณะดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ร่วมกันจับกุมนายกฤษดา ไชยแค อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 284/2557 ลงวันที่ 20 ก.พ. 2557 ได้ที่ชายแดนไทย ใกล้กับด่านจ.สระแก้ว
หลังจากผู้ต้องหาก่อเหตุแล้ว หลบหนีการจับกุมไปกบดานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา กระทั่งชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบความเคลื่อนไหว จึงได้เดินทางเข้าพบพล.ท.แซมวัน วีระ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือการทำงานร่วมระหว่างทางการไทยและทางการกัมพูชา ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนนำตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย