- 27 มี.ค. 2563
กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อน ไม่จบไม่สิ้นจากสถานการณ์การเผชิญหน้าโรคระบาดสำคัญ อย่างเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ จนกระทั่้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องคัดสินใจ ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อหยุดยั้่งวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันนักการเมืองบางส่วนก็ยังไม่วาย วิพากษ์วิจารณ์มาตรการของภาครัฐในแง่ลบ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าก็เรียกร้องให้มีการใช้ยาแรง ในลักษณะของการดิสเครดิตรัฐบาล
กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อน ไม่จบไม่สิ้นจากสถานการณ์การเผชิญหน้าโรคระบาดสำคัญ อย่างเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ จนกระทั่้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องคัดสินใจ ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อหยุดยั้่งวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันนักการเมืองบางส่วนก็ยังไม่วาย วิพากษ์วิจารณ์มาตรการของภาครัฐในแง่ลบ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าก็เรียกร้องให้มีการใช้ยาแรง ในลักษณะของการดิสเครดิตรัฐบาล
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง โดนถล่มหนัก วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด อ.ชูชาติ หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ)
ล่าสุด นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เคลื่อนไหวแสดงความเห็นในเชิงต่อต้าน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตลอด ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ระบุว่า “การที่รัฐบาลใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกมาตรการที่เรียกว่าล็อกดาวน์ประเทศ หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบทั้งหมดของประชาชน เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างกัน (Social Distancing) ให้เกิดผลต่อการสกัดการแพร่เชื้อนั้น อาจจะเป็นความเหมาะสมในช่วงที่ประชาชนยังขาดการรับรู้และความพร้อมในการป้องกันตนเองอย่างเพียงพอ
มาตรการดังกล่าวอาจจะมีผลดีทางด้านการป้องกันและควบคุมโรคในระยะดังกล่าว แต่จะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศที่จะพังจนกู่ไม่กลับ หากไม่มีการปรับยุทธศาสตร์ให้เข้ากับสถานการณ์อย่างทันท่วงที
ผมจึงเห็นด้วยกับแนวความคิดของคุณหมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ที่เห็นว่าเราสามารถควบคุมโรคและพลิกฟื้นเศรษฐกิจไปพร้อมกันได้ เพราะโควิด-19 ผู้รู้หลายท่านให้ข้อสังเกตว่าน่าจะจบลงภายใน 6 เดือนหรือไม่เกินหนึ่งปี แต่หากปล่อยให้เศรษฐกิจพังจะใช้เวลาพลิกฟื้นเกิน 10 ปีแน่นอน และจะมีคนอดตายมากกว่าเสียชีวิตเพราะติดโควิด
คุณหมอสุรพงษ์ให้ความรู้ว่าโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ 3 ทางเท่านั้น คือ ตา จมูกและปาก หากเรามีเครื่องป้องกันการเข้าสู่ร่างกายครบทั้ง 3 ทางดังกล่าวโควิด-19 ก็จะไม่สามารถทำอะไรมนุษย์ได้ ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องรีบทำคือเตรียมความพร้อมทางด้านการแพทย์เพื่อรักษาประชาชน หาอุปกรณ์ป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อไม่ให้ติดเชื้อเสียเอง หาอุปกรณ์ป้องกันสำหรับประชาชน ได้แก่ หน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ให้เพียงพอที่ประชาชนจะเข้าถึงเพื่อใช้ป้องกันตัว ป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าจำเป็นจนขึ้นราคาทำให้ประชาชนเดือดร้อน และสร้างความตระหนักว่าผู้สูงวัยคือกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จากนั้นรัฐบาลก็สามารถผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ประชาชนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เหมือนเดิม
อย่าฉวยโอกาสปิดประเทศเกินกำหนดจนเศรษฐกิจพินาศ เพื่อเอามาแก้ตัวว่าโควิด-19 เป็นต้นเหตุ เพราะคนไทยต้องฆ่าตัวตายหนีพิษเศรษฐกิจมาก่อนจะเกิดโควิด-19 แล้ว การปรับยุทธศาสตร์ให้เท่าทันสถานการณ์คือหัวใจแห่งการอยู่รอดของประชาชน ทั้งจากโรคภัยและความยากจน”
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ออกแถลงการณ์ แสดงข้อความว่า " ตามที่รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่มีการควบคุมประชาชนในระดับสูง พรรคเพื่อไทยเห็นว่า เมื่อรัฐบาลตัดสินใจใช้ยาแรงแล้วปัญหาต้องจบเร็วที่สุด ไม่ควรเกินระยะเวลาที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ รัฐบาลไทยต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้
โดยมีตัวชี้วัดทางการแพทย์ชัดเจนที่ผ่านมา ตั้งแต่มีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส การบริหารวิกฤติของรัฐบาลค่อนข้าง หละหลวม บกพร่อง โดยรัฐบาลได้ปล่อยปละละเลยมาตรการสำคัญหลายประการ ตั้งแต่เริ่มต้นสภาวะวิกฤติ จนกระทั่งสถานการณ์บานปลาย ปล่อยให้มีการกักตุน และหาผลประโยชน์จาก อุปกรณ์ป้องกันตัว และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งจะเห็นได้จากการขาดแคลนหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์ที่จำเป็นในโรงพยาบาล จนกระทั่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว จนทะลุหลักพันคนในวันนี้
จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐบาล ปูพรมในการค้นหาผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ นำผู้ติดเชื้อทั้งหมดมารักษา พร้อมทั้งควบคุมไม่ให้สามารถแพร่เชื้อต่อ
2.ขณะนี้อุปกรณ์ในการดำรงชีวิตให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส ทั้งของประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ ขาดแคลนอย่างหนัก และราคาสูงกว่าปกติมาก นายกรัฐมนตรี ควรเรียกความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนคืนมา ด้วยการจับกุม และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย และลักลอบส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศให้ได้
3.นายกรัฐมนตรี ควรตัดสินใจนำงบกลางมาใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน โดยที่ไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก
และ 4.ควรต้องใส่ใจ ในการวางมาตรการเพื่อช่วยเหลือดูแลคนยากจน ผู้มีรายได้น้อย หรือลูกจ้างรายวัน คนหาเช้ากินค่ำที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ และวิกฤตการณ์ต่างๆ ในครั้งนี้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ