- 07 เม.ย. 2563
จากกรณีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะแกนนำคณะก้าวหน้า ผ่านโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาการตัดสินใจประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล เป็นเสมือนการใช้อำนาจในลักษณะรัฐประหารทางการเมืองอีกครั้ง ในลักษณะที่เรียกว่า “รัฐประหารโควิด” หรือ “Covid Coup d’état” โดยการรวมศูนย์อำนาจที่แตกเป็นส่วนๆ หรือ “Fragmented Centralization” และเห็นค้านคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่อง อยากเห็นสุขภาพนำเรื่องเสรีภาพ ว่า ไม่จำเป็น เพราะ “สุขภาพ” สามารถเคียงคู่กับ “เสรีภาพ” ได้ ดังนั้นเราต้องไม่ปล่อยให้ “สุขภาพ” กลายเป็นข้ออ้างมาสร้างความชอบธรรมให้การบริหารราชการแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพจนไม่รู้ว่าจะพาประเทศไปทางไหนในยามวิกฤตโควิดครั้งนี้
จากกรณีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะแกนนำคณะก้าวหน้า ผ่านโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาการตัดสินใจประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล เป็นเสมือนการใช้อำนาจในลักษณะรัฐประหารทางการเมืองอีกครั้ง ในลักษณะที่เรียกว่า “รัฐประหารโควิด” หรือ “Covid Coup d’état” โดยการรวมศูนย์อำนาจที่แตกเป็นส่วนๆ หรือ “Fragmented Centralization” และเห็นค้านคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่อง อยากเห็นสุขภาพนำเรื่องเสรีภาพ ว่า ไม่จำเป็น เพราะ “สุขภาพ” สามารถเคียงคู่กับ “เสรีภาพ” ได้ ดังนั้นเราต้องไม่ปล่อยให้ “สุขภาพ” กลายเป็นข้ออ้างมาสร้างความชอบธรรมให้การบริหารราชการแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพจนไม่รู้ว่าจะพาประเทศไปทางไหนในยามวิกฤตโควิดครั้งนี้
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ดร.นิว ตอกสุดลิ่ม ปิยบุตร สมอง NIM ซัดอย่าทำตัวหนักแผ่นดิน คิดได้ไงรัฐประหารโควิด)
นายปิยบุตร ได้กล่าวถึงประเด็นดัง กล่าวว่า หากฟังคลิปทั้งหมด 35 นาที จะเห็นได้ชัดว่า ตนไม่ได้ตำหนิติเตียนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างใดเลย แต่วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา มีความบกพร่องจริง เนื่องจากเป็นแก้ไขปัญหา ในลักษณะวิ่งตามปัญหาไปเรื่อยๆ รวมถึงออกมาตรการคิดไม่ครบถ้วนทั้งระบบ ทั้ง ๆ ที่มีอำนาจตามพ.ร.กฉุกเฉิน ซึ่งตนพยายามสื่อไปในวงกว้างว่า ถ้าประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินขนาดนี้แล้วน่าจะแก้ไขได้ แต่ตอนนี้ทำไปทำมาประกาศพ.ร.กฉุกเฉิน กลับยังแก้ปัญหาไม่ได้
นายปิยบุตร ยังอ้างด้วยว่า การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นไปด้วยความปรารถนาดี พร้อมมีข้อเสนอแนะต่างๆมาตลอด จึงควรมองเป็นความหวังดีทำงานร่วมกับรัฐบาล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถ้าไม่เสนอแนะหรือออกมาวิจารณ์กันเลย ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดี ซึ่งคณะก้าวหน้าไม่มีใครที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพียงแต่ขอมาตรการที่ชัดเจน และคิดอย่างรอบด้านเท่านั้น
ก่อนหน้านั้นพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นัดหมายให้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ , น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ต้องหาคดีแฟลชม็อบหน้าหอศิลป์ มาพบก่อนควบคุมตัวพร้อมสำนวนการสอบสวน ส่งให้พนักงานอัยการ ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) โดยทั้งหมดมาครบตามนัดหมาย
ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนฟ้องและยืนยันตั้งข้อหารวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย
1.) ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุม
2.) ร่วมกันจัดการชุมนุมโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟฟ้า
3.) ร่วมกันจัดการชุมนุมโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ
4.) ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
5.) ชุมนุมในระยะไม่เกิน 150 เมตร จากพระราชฐาน
โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน ก่อนที่ในวันที่ 15 เมษายน เวลา 10:00 น. อัยการจะนัดพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ขณะเดียวกันก็จะมีการปรึกษากับลูกความทั้ง 3 คนก่อน เพื่อยื่นขอความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าว่ากระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะการที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่นักศึกษาประชาชนอีก 5 คนถูกกล่าวหาด้วย ซึ่งทางอัยการก็ยังไม่ได้สั่งฟ้อง เพราะอยู่ในระหว่างสอบสวนพยานเพิ่มเติม