ตั๊น จิตภัสร์ โดนกระแสต้านนั่งกมธ.ตำรวจ บิ๊กตร.ออกโรงกระตุก ควรให้โอกาส

สืบเนื่องจากกรณีที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสภาผู้แทนราษฎร แต่งตั้ง ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร  เป็นกมธ.ตำรวจ  แทน  นาย ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ โดยเนื้อความประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง  ตั้งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการตํารวจ   แทนตําแหน่งที่ว่าง ตามที่ได้มีประกาศสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่  12 ก.ย.2562   ตั้ง นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการตํารวจนั้น  เนื่องจากนายชัยวัฒน์ ได้พ้นจากกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการตํารวจ  เพราะลาออก และในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25  ปีที่ 1 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจําปี ครั้งที่สอง) วันที่ 20 ก.พ.2563  ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร เป็นกรรมาธิการแทน จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
 

ภายหลังจากที่ประกาศดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ทางด้านโลกออนไลน์ต่างเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง โดยส่วนใหญ่อ้างถึงผู้หญิงคนหนึ่ง  ขณะเหยียบป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระหว่างเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงพร้อมใจกันถามหาความเหมาะสมของการเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว จะทำให้ตำรวจเชื่อมั่นได้อย่างไร พร้อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ขณะที่ชาวเน็ตอีกด้าน ต่างมองว่าต้องให้โอกาสเธอเข้ารับตำแหน่งและทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อปี2558 น.ส.จิตภัสร์ เคยขอถอนตัวการสมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาลมาแล้วอีกด้วย

 

 

ล่าสุด พล.ต.ต.ภูวดิท ชนะคชภัทร์  ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งขาติ  ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กความว่า "ผมให้นึกถึง องคุลีมาล สำนึกบาป! ท่ามกลางกระแสการต่อต้านจากเหล่าตำรวจ ในการมานั่งเป็นกรรมาธิการตำรวจ ของคุณจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ใจผมจริงๆก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่เอาเถอะตำรวจเราอยู่แบบนี้มานานแล้ว รอปฏิรูปให้มันดีขึ้น 5-6 ปี ตั้งแต่ยุค คสช.ที่นายกฯท่านเดียวกันมีอำนาจเต็ม แล้วก็ยังไม่ไม่สำเร็จ และ ยังไม่รู้ว่าจะไปถึงไหน

เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง ดีกว่าอยู่แบบนี้! ก็คงจะพิสูจน์ความจริงใจ การตั้งใจต่อสู้เพื่อองค์กรตำรวจ เพื่อชนะใจ และรับการให้อภัยจากตำรวจในที่สุด
ขอให้มาด้วยใจเป็นธรรม มิใช่เอามัน ที่จะทำผลงานให้ตำรวจ เมื่อมาพบอะไรที่ไม่เป็นธรรม กับตำรวจ ถ้าหาทางช่วย หรือแก้ไขให้ตำรวจมีชีวิตที่ดีขึ้น
ความหลังเก่าๆ พวกเราจะพยายามลืมมันครับ ได้เวลาที่จะชนะใจตำรวจของคุณแล้วครับ ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร ไม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตำรวจ ไม่มีใครรู้ความอัดอั้นใจของตำรวจดีหรอกครับ

แต่ถ้ามาแล้วไม่ทำอะไรเลย คงได้เห็นพลังมวลมหาประชาตำรวจ สักครั้ง ซึ่งก็ได้เห็นแล้วตอนนี้ กลับบ้ายนอนบ้านฟังเพลง...บ่าววี ไม่มีประโยชน์ ดีกว่าครับ"
 

 

ก่อนหน้านั้นเมื่อ เดือนกันยายน 2558 น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ได้เปิดแถลงข่าว ขอถอนตัวการสมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยยืนยันการสมัครเป็นไปตามกระบวนการการคัดเลือกตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกขั้นตอนปกติ และตัดสินใจเองเนื่องจากเห็นว่าอาชีพตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเสียสละเพื่อประชาชน

 

 

โดย น.ส.จิตภัสร์ เปิดเผยว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ซึ่งเกิดจากความบริสุทธิ์ใจของตนที่ต้องการมีส่วนร่วมทำงานในบทบาทหน้าที่ตำรวจ หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่คอยดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขใกล้ชิดพี่น้องประชาชนและเป็นอาชีพทรงเกียรติ เสียสละ ทำงานหนัก เป็นผู้รักษากฎหมาย เสี่ยงภัย เพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเคยร่วมทำงานกับตำรวจในบางสถานการณ์รับรู้ความทุกข์ยาก โดยเฉพาะตำรวจชั้นประทวน ทำให้มีความเข้าใจและอยากมีส่วนร่วมในการศึกษากระบวนการทำงานของตำรวจ เพราะตำรวจยังขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณ

 

"ซึ่งถ้ามีโอกาสดิฉันจะไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมเป็นตำรวจ และการเปิดรับสมัครตำรวจมีประจำทุกปี ต้องผ่านการคัดเลือกตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการตามระเบียบปกติที่เกี่ยวข้องทุกประการ และยืนยันว่ายังไม่ได้รับบรรจุเป็นยศ ร.ต.ต.ที่ปรากฏตามในสื่อต่างๆ อีกทั้งยังไม่ทราบว่าจะสอบผ่านการคัดเลือกหรือไม่" น.ส.จิตภัสร์ กล่าว 

 

น.ส.จิตภัสร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในการชุมนุมที่ผ่านมา แม้ตนจะมีบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ไม่มีเจตนาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพี่น้องตำรวจ แต่ได้แสดงออกอยากให้ตำรวจเป็นที่พึ่งแท้จริงของประชาชนอย่างแท้จริง แม้ในสถานการณ์การชุมนุมได้เจอกับตำรวจ ต่างมีน้ำจิตน้ำใจไมตรีต่อกัน เพราะเข้าใจว่า ต่างคนดำเนินการไปตามหน้าที่ ส่วนกรณีมีภาพปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งทำลายป้ายหน้า สตช. โดยมีการตัดต่อว่าเป็นภาพของตนนั้น รวมถึงการให้สัมภาษณ์ในช่วงชุมนุมที่เป็นภาษาอังกฤษให้เกิดความเสียหาย ก็มีการบิดเบือน ที่ไม่เป็นความจริงเช่นกัน

 

 

“ไม่เคยมีเจตนาดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตำรวจ แค่เรียกร้องแสดงออกให้ตำรวจเป็นที่พึ่งประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งมองว่าน่าเป็นห่วงสังคมที่มีการทำสงครามข้อมูลข่าวสาร สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยจมอยู่ในความขัดแย้งไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน” น.ส.จิตภัสร์ กล่าวยืนยัน 

 

 

เมื่อนักข่าวถามว่า ทำไมถึงสมัครเป็นตำรวจทั้งที่มีความสามารถที่จะทำหน้าที่เพื่อสังคมได้หลายสถานะมากกว่านี้ น.ส.จิตภัสร์ ตอบว่า เพราะต้องการทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ และพอเกิดกระแสสังคม ทุกคนในบ้านให้กำลังใจทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ไม่ว่าอยู่จุดไหนก็ตาม จะมีตำแหน่งหรือไม่มีก็ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศต่อไป จากนี้ไปก็จะทำงานด้านภาคประชาชนต่อไป ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศ ส่วนงานการเมืองเป็นเรื่องของอนาคต

 

ทั้งนี้ ระหว่างแถลงข่าวปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบและเจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นคงของทหารนอกเครื่องแบบ เข้ามาร่วมสังเกตการณ์บันทึกภาพและเสียงตลอดด้วยทีมงานแจก จม.เปิดผนึก ชื่นชม ด.ต.เตะระเบิด นอกจากนี้ ยังมีจดหมายเปิดผนึกของ น.ส.จิตภัสร์ ถึง ด.ต.ธีระเดช เล็กภู่ ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บการเตะระเบิดช่วงระหว่างการชุมนุมกปปส. โดยมีเนื้อหาระบุตอนหนึ่งว่า

 

“แม้เราจะทำหน้าที่ต่างกัน แต่ตั๊นขอกราบคารวะในการเสียสละของท่าน ที่มีให้เพื่อนพ้องของท่าน จิตใจนักสู้ของท่านเหนือสิ่งอื่นใด ขอนับถือในการเสียสละของตัวท่านเอง เพื่อปกป้องเพื่อนพ้องของท่าน ไม่งั้นคงมีพี่น้องตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หาได้ยากกับการเสียสละยิ่งใหญ่ขนาดนี้” น.ส.จิตภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ขณะเดียวกัน ทางด้านเพจ เสธPlay  ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "เอ เรื่องนี้ เสธ. ก็สงสัยนะครับ ว่าคุณตั๊นมีความรู้ความสามารถหรือคุณงามความดีอะไรเกี่ยวกับวงการตำรวจมากพอที่จะเป็น กมธ.ตำรวจกัน? แล้วการเอาคุณตั๊นมานั่ง กมธ. ตำรวจนี่มันจะดีหรือครับ เมื่อในอดีตคุณตั๊นเคยมีคดีกระทำการไม่เหมาะสมกับป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่โกรธแค้นของตำรวจไทยจำนวนมากก็ว่ากันไปครับ"

 

 

คลิกดูข้อมูลรายชื่อกรรมาธิการ ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร  ซึ่งประกอบด้วยส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้าน

https://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/25_police/committee_list.php