- 25 เม.ย. 2563
ธนาธรมารอยเดิม จุดกระแสต้องทำประเทศกลับเป็นประชาธิปไตย สนท.รุกแคมเปญไล่รัฐบาล เพนกวินรับกระแสปลุกระดม
ท่ามกลางการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าในภาพรวมตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จะลดลง แต่ด้วยเหตุปัจจัยองค์ประกอบ ต้องถือว่ายังไม่อาจวางใจได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะการย้อนกลับของเชื้อไวรัสที่กระจายตัวในรอบ 2 ได้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ และดูเหมือนจะลุกลามบานปลายมากขึ้น ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในวันที่ 28 เม.ย. นี้ หลังจากรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพชีวิตประชาชน มาก่อนประเด็นทางเศรษฐกิจ
"การผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยใช้ข้อมูลด้านสาธารณสุข รวมทั้งมีมาตรการรองรับที่เหมาะสมเพียงพอ ทั้งนี้ จะไม่ผ่อนปรนมาตรการเพราะแรงกดดันแต่ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ผู้ประกอบการต้องเสนอมาตรการรองรับ เช่น การจัดสถานที่ การคัดกรองโรค จำกัดจำนวนคน รวมทั้งมาตรการเว้นระยะห่าง หรือ Social Distancing หากมาตรการไม่เหมาะสมก็ยังให้เปิดบริการไม่ได้ แม้รัฐบาลจะทราบปัญหาของประชาชน แต่ก็เห็นความสำคัญด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะหากไม่รอบคอบหรือผ่อนปรนมาตรการเพราะแรงกดดันแล้ว อาจทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารุนแรง เท่ากับการปฏิบัติมาทั้งหมดสูญเปล่า"
ขณะที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ข้อมูลภายหลังการประชุมสมช. เพื่อประเมินสถานการณ์ในการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่า หลังจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม คงจะมีการเรียกประชุมร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะสรุปว่ามีความจำเป็นต้องประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปหรือไม่
โดยหากที่ประชุมเห็นสมควรว่าต่ออายุออกไป ก็จะนำบรรจุเป็นวาระเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งในส่วนความเห็นของหน่วยงานด้านความมั่นคงเอง เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร จึงเสนอเห็นว่าน่าจะต่อขยายออกไปอีก แต่จะเป็นระยะเวลาเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองเป็นผู้ประเมิน โดยการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยการแยกออกจากในเรื่องการผ่อนปรนมาตรการตามที่หลายฝ่ายเรียกร้อง
ประเด็นที่ต้องเกาะติดไปพร้อมกับการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเข้มของรัฐบาล เพื่อเปิดช่องให้ภาคเศรษฐกิจบางส่วนกลับมาดำเนินได้ และการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ ในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็คือ การเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมไปถึงกลุ่มการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : หม่อมปลื้ม เมินเหตุผลบิ๊กตู่ คุณหมอโฆษก อ้างป่วยลดต้องปลดล็อค ลั่นแรงคนไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของรัฐ )
ล่าสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะแกนนำคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความบทสัมภาษณ์ช่วงหนึ่ง มีใจความว่า "...ผมคิดว่าการเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ กับคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าเรากลับมาทำให้การเมืองเป็นปกติไม่ได้ การผลักดันความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นไปไม่ได้
เพราะผู้มีอำนาจปัจจุบันใช้เวลาของพวกเขา ใช้เงินภาษีจากประชาชน ใช้อำนาจที่มีเพียงเพื่อทำลายหรือจัดการ เอาชนะกันทางการเมือง เพื่อรักษาอำนาจ เพื่อที่จะได้บริหารประเทศนี้ต่อ นี่คือปัญหาหลักเลย คุณคิดว่าคุณประวิตร คุณประยุทธ์ คุณวิษณุ เอาเวลากี่เปอร์เซ็นต์ไปบริหารประเทศ แล้วเอาเวลากี่เปอร์เซ็นต์ไปนั่งคิดว่าจะรักษาอำนาจเพื่อที่จะได้บริหารต่อไปยังไง
อำนาจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณมีอำนาจ ทุกชั่วโมงที่คุณไม่ได้ใช้อำนาจนั้นเพื่อการตัดสินใจคือทุกชั่วโมงที่สูญเสียโอกาสไป นี่คือความสำคัญของอำนาจ ถ้าคุณมีอำนาจเมื่อไหร่ คุณคือคนตัดสินใจ คนอื่นไม่มีอำนาจสั่งหรือตัดสินใจใช้อำนาจ ใช้งบประมาณ ก่อนนี้อนุมัติโครงการนี้ไม่ได้ คุณเป็นคนเดียวที่ถืออำนาจ ถืองบประมาณไว้ แต่คุณไม่ใช้อำนาจเพื่อตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ประเทศก็ไม่เดินหน้า
และนี่คือปัญหาของประเทศไทย สมาธิและพลังในการที่จะพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นกว่านี้มันไม่มี คิดแต่ว่าจะเอาชนะ จะจัดการกันทางการเมือง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำให้ประเทศไทยกลับไปสู่สภาวะปกติ กลับไปสู่ประชาธิปไตย เหมือนอย่างที่ประเทศเจริญแล้วเป็นกัน..."
ขณะที่อีกด้านหนึงกลุ่มแกนนำนักศึกษาที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ก็เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่เคยจัดกิจกรรมแฟลชม็อบขับไล่รัฐบาล ภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค มีการโพสต์ข้อความส่งต่อ ๆ กัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ค "สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - Student Union of Thailand" ข้อความระบุว่า ... สนท. ขอเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมประท้วงออนไลน์โดยการถ่ายรูปถือป้ายแสดงความรู้สึกต่อรัฐบาลพร้อมติด #MobFromHome "โควิดหายมาไล่รัฐบาลกันไหม?"
และมีการขยายแนวคิดไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อาทิ ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์ว่า "ขอเชิญ นักศึกษา ม.เชียงใหม่ ทั้งศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่า ร่วมกันต่อต้านเผด็จการ ที่เป็นภัยคุกคามเสรีภาพ และสิทธิของประชาชน #ช้างเผือกของัดเผด็จการ #MobFromHome#ทีมมช และอีกหลายข้อความที่ปรากฎอยู่ในโลกโซเชียล
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องติดตามว่า ฝ่ายความมั่นคง รวมถึงกระแสโซเชียลอีกฟากฝั่ง จะมีปฏิกริยาอย่างไร กับแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มสนท. และนิสิต นักศึกษา ที่เคยออกมาร่วมกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง
หลังจากก่อนหน้านี้ ผู้คนหลายกลุ่มในโลกโซเชียล ก็เคยออกมาแสดงความเห็น ตอบโต้กลับไปยังแกนนำสนท.อย่าง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เกิดอะไรขึ้นม็อบปลุกระดม แฮชแท็คมาแรง #ไม่เอาเพนกวินปราศรัย ภาพชัดก่อรุนแรง มีชนักหลังยุค "โดมปฏิวัติ" )
ทางด้าน นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ค ใจความสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า " ..... เงิน 5000 ที่แจก ก็เห็นชัดว่ามีปัญหาไม่จบไม่สิ้น คนจนไม่ได้รับ คนรับไม่ได้จน เป็นนักเรียนนักศึกษาก็ไม่มีสิทธิได้ เป็นวินมอเตอร์ไซค์ระบบบอกว่าเป็นเกษตรกร ทุกวันที่รัฐบาลยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จะมีคนตายจากการไม่มีเงินจะกินเพิ่มไปทุกวัน ๆ รัฐบาลจะรับผิดชอบยังไงไหว ?
ตอนนี้ประชาชนที่ดือดร้อนมีทุกหย่อมหญ้า ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่เดือดร้อนจากโรคระบาดครั้งนี้ ในฐานะประชาชนคนนึง ขอถามว่าในเมื่อประชาชนเดือดร้อนกันทุกคน ขอให้รัฐบาลแจกเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนทุกคนไปเลยได้ไหม
ที่ผมพูดไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน ผมไม่รับก็ได้ แต่เพราะดูแล้วว่าถ้ายังคัดกรองด้วยระบบห่วย ๆ ของรัฐบาลแบบนี้ จนโควิดหมดก็ยังแจกเงินกันไม่เสร็จ และตอนนี้คนเดือดร้อนก็ไม่ได้มีแต่คนแบบที่รัฐบาลอยากแจกแต่เดือดร้อนกันทุกคน คนพอจะมีกลายเป็นคนไม่มี ส่วนคนไม่มีอยู่แล้วก็จะกรอบตาย
ขอได้ไหม ช่วยเหลือประชาชนทุกคนได้ไหม เพราะทุกคนก็คือประชาชน เรามีรัฐบาลไปก็เพื่อปัญหาให้ประชาชน และตอนนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนทุกคน ทุกคนควรมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือสมกับที่ทุกคนจ่ายภาษีให้รัฐบาลเอาไปใช้ (คนที่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ภาษีเงินได้เขาก็จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มครับ)
หรือเพราะคนที่เดือดร้อนเขาไม่ใช่นายพล ไม่ใช่เจ้าสัว หรือไม่ใช่คนใหญ่คนโตคับฟ้า รัฐบาลถึงไม่สนใจ เห็นหัวประชาชนเถอะครับ ไม่ม่ประชาชน ก็ไม่มีประเทศ
ไม่เช่นนั้น หมดโควิดเจอกัน ใครเห็นด้วย เขียนข้อความลงป้ายแล้วถ่ายรูปลงโซเชียลกันครับ ขอขอบคุณไอเดียจาก สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - Student Union of Thailand
#โควิดหายมาไล่รัฐบาล #MobFromHome