- 03 ก.ค. 2563
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 กรกฎาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อม นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และสมเด็จพระวันรัต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อถวายเทียนพรรษาและเครื่องสักการะ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 กรกฎาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อม นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และสมเด็จพระวันรัต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อถวายเทียนพรรษาและเครื่องสักการะ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถวายเครื่องสักการะเทียนพรรษา ผ้าไตร เครื่องไทยธรรม เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมา โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชประทานพรให้นายกรัฐมนตรีและภริยา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้มีสุขภาพแข็งแรง พร้อมประทานกำลังใจคณะรัฐบาลในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และภริยา เดินทางต่อไป วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เพื่อถวายเครื่องสักการะ เทียนพรรษา ผ้าไตรจีวรเครื่องไทยธรรม แด่สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563 ด้วย
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2564 เป็นวันที่ 3 โดยมีรายงานว่า ก่อนนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึงนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีข่าวว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ลงมารอรับนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ทั้งที่โดยปกติก่อนหน้านั้นนายอนุชา จะไม่เคยมารอรับนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ ถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า นอกจากพระองค์ทรงประทานพรให้กับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระวันรัต ยังปรารภตรงกันว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่พระสงฆ์บ้านเราไม่มีสถิติติดเชื้อโควิด-19 เลย ตนจึงชื่นชมว่าเป็นเพราะทางคณะสงฆ์ต่างๆ ดูแลกันเองได้เป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่ช่วยลดภาระลงไปได้เยอะ นอกจากดูแลพระแล้วยังช่วยดูแลประชาชนด้วยเป็นสิ่งที่ดี ตนจึงกราบขอบคุณไปยังทุกคณะสงฆ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม เราต้องติดตามสถานการณ์การผ่อนคลายระยะที่ 5 หลัง14 วันไปแล้ว และจากนั้นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สิ่งสำคัญคือเราต้องเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดและต้องเตรียมการรับมือ โดยมีงบประมาณดูแลที่ไม่ใช่แค่งบฯปี 64 ซึ่งมีทั้งงบฯแผนฟื้นฟู และงบฯกลาง เพราะเรามีงบฯหลายส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ covid คลี่คลายแล้วมีแนวคิดจะทำบุญประเทศหรือไม่อย่างไร พล.อ ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องพิจารณาความเหมาะสม และสถานการณ์ ก่อน แต่วันนี้สถิติยังมีการแพร่ระบาดในสถานที่กักกันของรัฐ ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปให้ครบ 14 วันหลังผ่านระยะที่ 5 ไปแล้ว ขณะนี้เรายังเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ส่วนความคืบหน้าแผนการดำเนินการตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเอาแค่รวมใจพวกเราให้ได้ก่อนไหม ส่วนการพบกับภาคส่วนต่างๆตนได้ไปคุยมาหมดแล้ว วันนี้คือการรวมใจคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ร่วมกันสร้างชาติ แม้แต่ที่สภาผู้แทนราษฎร ก็ต้องรวมใจกัน แต่ถ้าทุกคนมีแต่ปัญหาอุปสรรคมา แล้วเอางบประมาณมาพูดกันจะทำได้สักอันหรือไม่ ขณะเดียวกันจะทำให้เกิดความล่าช้า หน่วยงานต่างๆจะเอาเงินที่ไหนไปดูแลประชาชน วันนี้ภารกิจพื้นฐานมีเยอะแยะ ทั้งการดูแลประชาชนเกษตรกรการประกันราคาสินค้าที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณไปมาก วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องที่ต้องดูแลประชาชนมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ไปจับจ้องกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ หลายกระทรวงได้ชี้แจงไปแล้ว และผมคิดว่าเป็นการชี้แจงที่ละเอียดและรอบคอบ แต่สมาชิกบางครั้งก็มีการนำมาพูดและถามซ้ำตีกันใหม่ ส่วนเรื่องแบบนี้คงไม่ต้องชี้แจงทุกครั้ง
ในช่วงท้ายเมื่อมีการถามถึงแนวคิดตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ มีเรื่องการเมือง และนิรโทษกรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า นิรโทษกรรมใครล่ะ ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที