- 23 ก.ค. 2563
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เดินหน้าตรวจสอบทรัพย์สิน 2 ส.ส.เพื่อไทย หลังพลาดเก้าอี้ กมธ.ร่างพ.ร.บ.งบฯ 2564
ภายหลัง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมทำหนังสือถึง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรื่อง ขอให้ชี้แจงเบื้องหลังการสลับชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อดิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ระบุสาระใจความสำคัญว่า “ข้าพเจ้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ช่วยงานพรรคฯ มาโดยตลอด ซึ่งพรรคฯ เคยส่งเป็นกรรมาธิการร่าง พรบ. งบประมาณ 2563 ข้าพเจ้าจึงเป็น 1 ใน 13 คน ที่เข้าไปทำหน้าที่ในชั้นกรรมาธิการฯ ให้พรรคฯ และต่อมาก็ยังได้ช่วยงานพรรคฯในเรื่องร่าง พรบ. งบประมาณ 2564 อย่างเต็มที่ รายละเอียดทางพรรคฯ ทราบดีแล้วนั้น
ต่อมา ในการพิจารณาตั้งกรรมาธิการ ร่าง พรบ. งบประมาณ 2564 ทางพรรคฯ ได้ทำบัญชีรายชื่อผู้ที่จะส่งเป็นกรรมาธิการ 15 คนเสร็จแล้ว โดยมีการแจ้งว่า ในบัญชีดังกล่าวมีข้าพเจ้าเป็น 1 ใน 15 คน ซึ่งเป็นรายชื่อที่พรรคฯ สรุปกันแล้วและแจ้งข้าพเจ้าประมาณบ่ายสามของวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 แต่ต่อมาเวลา 18.37 น. คุณ ภ. ได้โทรมาโดยใช้เวลา 7 นาที 34 วินาที (ทราบว่า น่าจะโทรมาจากห้องที่สภาฯ)
คุณ ภ. บอกว่า การจัดคนไปเป็นกรรมาธิการมีปัญหาจัดไม่ลงตัว จึงพูดจาโน้มน้าวจูงใจหาเหตุผลขอให้ข้าพเจ้าไม่ต้องเป็นกรรมาธิการชุดนี้ โดยขอให้เป็นในปีหน้า หรือเป็นอนุกรรมาธิการปีนี้แทน ซึ่งข้าพเจ้าปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แต่หากจะมาขอให้ไม่ให้เป็นกรรมาธิการตามที่ คุณ ภ. แจ้งมา ก็แล้วแต่พรรคฯ ดังนั้น รายละเอียดการสลับชื่อครั้งนี้หัวหน้าพรรคฯ ควรรู้ดีว่าที่มาเป็นเช่นไร เพราะในท้ายที่สุดหัวหน้าพรรคฯเป็นผู้ลงนามในเอกสารเพื่อเสนอสภาฯต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการประกาศรายชื่อ จึงทำให้ข้าพเจ้าไม่มีชื่อตามบัญชีรายชื่อเดิมอีกต่อไป (เอกสารเดิมที่สรุปรายชื่อ 15 คน ข้าพเจ้ามีอยู่ด้วย) ส่วนใครมาเป็นแทนนั้น ก็เป็นที่รู้กันแล้ว แต่ต่อมามี ส.ส. ของพรรคฯหลายคนสอบถามที่มาที่ไปว่า ทำไมจึงมีการเปลี่ยนชื่อข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงได้ แต่เห็นว่า หัวหน้าพรรคฯ และคุณ ภ. รู้เรื่องดี ดังนั้น เมื่อหลายคนยังถามไถ่เรื่องนี้ การอธิบายชี้แจงจึงควรเป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคฯ และคุณ ภ.
อนึ่ง การเอาชื่อข้าพเจ้าออกนั้น ข้าพเจ้าเองก็เสียความรู้สึกอยู่มาก เพราะเกิดขึ้นหลังจากมีการแจ้งให้ทราบแล้ว ดังนั้น การที่มาเปลี่ยนชื่อข้าพเจ้าเป็นชื่ออีกคนหลังจากที่คุณ ภ. ขอนั้น จึงเป็นเรื่องที่ควรชี้แจง เพราะข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ กรณีนี้จึงควรอธิบายความกันอย่างเปิดเผยต่อไป เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ยังค้างคาใจตอกัน
ข้าพเจ้าจึงขอทำจดหมายเปิดผนึกนี้ เพื่อขอให้มีการชี้แจงอย่างเปิดเผย แต่หากยังไม่อธิบายความให้กระจ่าง ผลที่ตามมาคือ นับแต่นี้ไปคงไม่มีอะไรจะต้อง CARE อีกแล้ว ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ ขอให้หัวหน้าพรรคฯ และคุณ ภ. ได้เป็นผู้ชี้แจงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยต่อไปด้วยขอบคุณและลาก่อน
ล่าสุดนายเรืองไกร แจ้งสื่อมวลชนจะเดินหน้าตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า เบื้องต้นพบว่า มี ส.ส. เพื่อไทย 2 คน ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินไว้แตกต่างกัน อ้นเป็นเหตุอันควรสงสัยที่ต้องขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดย ส.ส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 คน คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่งยื่นบัญชีบ้านและที่ดินไม่สอดคล้องกัน และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นของคู่สมรส ไว้ไม่สอดคล้องกัน
"ทั้งนี้ตนตั้งใจจะไป ป.ป.ช. เพื่อขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ประกอบกับพบข้อมูลของ ส.ส. ทั้ง 2 คน ที่มีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับบัญชีบ้านและที่ดิน กับบัญชีทรัพย์สินอื่น ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลาประมาณ 10.30 น. พร้อมทั้งจะขอตรวจดูบัญชีทรัพย์สินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย"