หมอเหรียญทอง ไม่อยู่เฉยๆ ทิชา แขวะโครงการ...ลุยพวกหมิ่นสถาบันฯ โยงนายกฯตู่

ยังคงเป็นกระแสต่อเรื่อง ภายหลังจากออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการชุมนุมขับไล่รัฐบาลแต่มีนัยแฝงเรื่องการล่วงละเมิด สถาบันเบื้องสูง โดย พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่หนา  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ  ยืนยันจะไม่ใช้การฟ้องร้องดำเนินคดีตามมาตรา 112  แต่ประกาศจะใช้หลักนิยมในการต่อสู้ด้วย "มาตรการสังคม" กับผู้กระทำการมิบังควรในรูปแบบต่างๆ ก่อนจะผุดไอเดีย  "โครงการดับอนาคต"  สื่อถึงการณรงค์ไม่ให้บริษัทห้างร้าน หน่วยงานรัฐ สถานศึกษา รับบุคคลที่มีทัศนคติเข้าข่ายดังกล่าวเข้าทำงานหรือเข้าศึกษาต่อหรือให้ทุน  จนนำมาสู่ปมวิวาทะกับ นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก อดีตสมาชิกสภาปฎิรูป (สปช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

(คลิกอ่านข่าวประกอบ :   หมอเหรียญทองลั่นเดือด รู้ข่าวจะโดนร้องกก.สิทธิฯ คุกคามพวกหมิ่นเบื้องสูง )

ขณะที่  นางทิชา ณ นคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ตอบโต้กลับว่า   “โครงการดับอนาคต” โดยนายแพทย์เหรียญทองฯ ที่มีนัยะสิ้นหวังและมีเป้าหมายที่ลูกหลานในวัยเรียนจะเกิดขึ้นในประเทศของเราไม่ได้ และไม่ควรมีผู้ใหญ่คนใดในประเทศนี้ แม้แต่คนเดียวคิดเรื่องดับอนาคตพลเมืองที่เป็นลูกหลาน ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างจากเราหรือมีความเชื่อทางการเมืองที่เหมือนเราหรือแตกต่างจากเรา

 

ขอถามนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้แต่งตั้งนายแพทย์เหรียญทองฯ ให้เป็นทีมที่ปรึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหลังโควิด-19   “โครงการดับอนาคต”ซึ่งเป็นความคิดของนายเเพทย์เหรียญทองฯ  หนึ่งในทีมที่ปรึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหลังโควิด-19 คือความภาคภูมิใจของนายกรัฐมนตรีใช่มั้ย ?

 

“โครงการดับอนาคต”  ของนายแพทย์เหรียญทองฯ ไม่เพียงแต่ทำลายภาพลักษณ์ของทีมที่ปรึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีเท่านั้น “โครงการดับอนาคต” ยังทำให้ผู้คน สังคม เข้าใจว่าการทำลายอนาคตลูกหลานที่เห็นต่างคือการปกป้องราชวงศ์หรือทำเพื่อราชวงศ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีราชวงศ์พระองค์ใดรู้เห็นเป็นใจกับนายแพทย์เหรียญทองฯ

 

เมื่อผลกระทบอาจเหวี่ยงไปในทิศทางดังกล่าว โดยเฉพาะต่อราชวงศ์   ขอถามนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่านายกรัฐมนตรีคิดอย่างไรกับ “โครงการดับอนาคต” ของนายแพทย์เหรียญทองฯ หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ทฤษฎีสมคบคิด” !!!

 

 

ล่าสุด  พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่หนา แสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวเช่นกัน  โดยระบุว่า    เรียน คุณทิชา ณ นคร...กรุณาทราบว่าโครงการดับอนาคตเป็นเรื่องส่วนตัวของผมไม่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี เป็นปฏิบัติการของผมในฐานะผู้นำองค์กรต่อต้านขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

การจงใจโยงใยให้ร้ายนายกรัฐมนตรีของคุณทิชาเป็นไปอย่างชัดเจน คุณมีเบื้องลึกอะไรกับนายกรัฐมนตรีล่ะครับ ผมจะบอกให้คุณฟังว่านายกรัฐมนตรีกับผมไม่เคยมีความสัมพันธ์รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่เคยพูดคุยกัน และผมไม่ใช่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผมเป็นแค่กรรมการคนหนึ่งเท่านั้นในคณะที่ปรึกษาของ ศบค.ที่เกี่ยวกับผลกระทบโควิด-19 ...คุณอย่าจงใจสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมเพื่อสร้างความปั่นป่วนไม่สงบต่อบ้านเมือง...ความจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ดั่งเกียรติประวัติของบรรพบุรุษของคุณไม่หลงเหลือเลยหรืออย่างไร

 

ผมจะเรียนให้คุณทราบว่าบรรพบุรุษของใครบางคนนั้น  เป็นถึงเจ้าพระยาที่มีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินสมเป็น "มหาโยธิน"  คู่บัลลังก์ เป็นถึงเสนาบดี เป็นทหารที่ผมศรัทธาในเกียรติประวัติ "มหาโยธิน" คู่บัลลังก์ แม้ผมจะไม่ใช่ผู้สืบสายโลหิต

 

ผมประหลาดใจอย่างมากว่าในวันนี้ผมกลับต้องมาวิวาทกับ "......."   ของ "มหาโยธิน" คู่บัลลังก์ที่ผมศรัทธาท่านนั้น ...ชาติตระกูลมันไม่ได้ช่วยถ่ายทอดกันได้ด้วยจิตวิญญาณเลยหรือ???...ผมรู้สึกเสียใจหากดวงวิญญาณมหาโยธินท่านนั้นจะมีญาณรับรู้สัมผัสว่าหลานของท่านนั้นมันเริ่มจัญไรเสียแล้ว

ว่างๆหาโอกาสฟังเพลง "ถามคนไทย"  โดยคุณสันติ ลุนเผ่ บ้างนะครับ ผมขอเน้นเนื้อเพลงตอนที่ว่า..."วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร"

หากคุณทิชา ต้องการพบผม โทร.มาที่ 02-574-5XXXX ต่อ XX00 (นัดวันเวลากับ พรพรรณ) ...และอย่าสับปลับให้ร้ายนายกรัฐมนตรีว่าสบคบคิดอะไรกับผมด้วย...คิดถึงพระเจ้าแผ่นดินบ้าง
(หมายเหตุ ผมพร้อมลาออกจากการเป็นกรรมการในคณะที่ปรึกษา ศบค.นะครับ ทราบไว้ด้วย)