อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิจารณ์ตรง ๆ ผู้บริหารมธ.พลาดตั้งแต่ต้น ให้ม็อบจาบจ้วงใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์

ถือเป็นวิกฤตศรัทธาสำคัญที่กำลังถาโถมสถาบันการศึกษาชั้นนำประเทศ อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ภายหลังมีการปล่อยปะละเลยให้เกิดเหตุการณ์กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง   ในขณะที่ผู้บริหารอย่าง    ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล   รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต  ชี้แจงว่าเป็นผู้อนุญาตให้จัดการชุมนุมได้   เนื่องจากเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุบสภา และให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชนทุกรูปแบบ” พร้อมระบุไม่ได้มีการแจ้งว่าจะมีการปราศรัยหรือแสดงออกในประเด็นเรื่องอื่นแต่อย่างใด 

 

อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112


(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ธรรมศาสตร์แถลงการณ์ ม็อบมธ.เปิดเวทีละเมิดเบื้องสูง เป็นความผิดส่วนบุคคล จะเคร่งครัดไม่ให้เกิดซ้ำอีก )

ล่าสุด   รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า  "คงไม่ต้องพูดให้มากความว่าการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีจุดมุ่งหมายอะไร

เข้าใจได้ว่า จุดยืนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คือ ต้องเปิดกว้าง ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ยืนอยู่ฝ่ายใดในทางการเมือง ล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการขออนุญาตใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในกรณีการชุมนุมครั้งนี้ ผู้ขออนุญาตใช้สถานที่   ไม่ใช่องค์กรใดๆในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   ไม่ใช่องค์การนักศึกษา ไม่ใช่สภานักศึกษา ไม่ใช่คณะหรือหน่วยงานใดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ชื่อผู้จัดงานคือ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย แต่กลับใช้ชื่อการชุมนุมว่า  “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”

เพียงแค่ชื่ออย่างเดียวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ก็ไม่น่าจะอนุมัติให้ใช้สถานที่ได้ เพราะเป็นการเอาชื่อธรรมศาสตร์ไปใช้ โดยพลการ เป็นการอ้างแบบตีขลุมว่าชาวธรรมศาสตร์โดยรวม อันหมายถึงผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาและศิษย์เก่า “จะไม่ทน” กับอะไรก็ตาม

 

อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112

ก่อนจะใช้ชื่อนี้ ผู้จัดเคยไปถามตัวแทนของชาวธรรมศาสตร์ประเภทต่างๆหรือไม่ว่าเขาคิดอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่

จริงๆแค่เห็นชื่อหัวข้อการชุมนุม และชื่อผู้ที่จะมาพูดบนเวที ก็บอกได้แล้วว่า จะพูดจะเกี่ยวกับอะไร  ไม่เข้าใจว่าผู้ที่อนุมัติให้ใช้สถานที่ไม่ทราบได้อย่างไร ว่าจะมีการพูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์

 

อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112

เมื่อประมาณปีพ.ศ.2521 - 2528 เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีรองอธิการบดีฝ่ายการนีกศึกษาที่ชื่อ   รองศาสตราจารย์(ตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น) นรนิติ เศรษฐบุตร ซึ่งผมทำงานเป็นผู้ช่วยท่านตลอดระยะเวลาดังกล่าว

ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่นาน นักศึกษาจัดกิจกรรมการเมืองกันบ่อยมาก นักกิจกรรมในยุคนั้นจะรู้ดีว่า อ.นรนิติ ก่อนอนุมัติให้จัดกิจกรรมได้ จะต้องพูดคุยกับผู้จัดถึงเนื้อหา และชื่อผู้ที่จะขึ้นพูดว่ามีใครบ้าง มีการต่อรอง ผ่อนสั้นผ่อนยาวซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่ท่านเน้นย้ำมากที่สุดคือ อย่าได้มีใครพูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นอันขาด

เมื่ออนุมัติให้จัดแล้ว ท่านและผมก็จะอยู่ดูแลจนงานเลิก หากมีการพูดอะไรที่หมิ่นเหม่จะล้ำเส้น เราก็จะคอยปรามนักศึกษาทุกครั้ง ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เสมอ

กลับมากรณีการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อมีการพูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายที่ชัดแจ้ง ควรหรือไม่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมีคำอธิบายอย่างเป็นทางการต่อชาวธรรมศาสตร์ และต่อสังคมโดยรวมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมจึงปล่อยให้ผู้จัดเอาชื่อธรรมศาตร์ไปใช้ได้ แทนที่จะมีเพียงท่านรองอธิการบดีท่านเดียวชี้แจงอยู่ใน face book ส่วนตัว  ......   ผู้มีส่วนได้เสีย( stake holders)  ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวนมากเขาอยากฟังครับ
 

ขณะที่ก่อนหน้านั้น   รศ.หริรักษ์  ได้กล่าวถึงพฤติการณ์ของหนึ่งในผู้ขึ้นปราศรัยในเวทีการเคลื่อนไหว ที่ถูกจัดขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ว่า    "เมื่อวานนั่งดูและฟังคลิปที่นาย อานนท์ นำภา ขึ้นพูดบนเวทีในม็อบ Harry Potter ที่บริเวณ อนุเสาวรีย์ประะชาธิปไตยเมื่อต้นเดือน

 

อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112

ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ บอกได้เลยว่า นายอานนท์ กล้ามาก  ยังแปลกใจว่าทำไมที่ตำรวจจับกุมตัวและตั้งข้อหาต่างๆ แต่ไม่มีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

แม้ไม่สามารถนำมากล่าวในที่นี้ได้ แม้ไม่มีคำหยาบ แต่ที่นายอานนท์พูดทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตรงๆเกือบทั้งสิ้น  ที่พูดขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เป็นเพียงข้ออ้าง ตั้งใจให้กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้ที่เคยต้องโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผู้ที่หลบหนีไปต่างประเทศเพราะคดีดังกล่าวทั้งหมด สิ่งที่คนเหล่านี้พูดในที่สาธารณะ เมื่อเทียบกันแล้ว
กลายเป็นเรื่องเด็กๆ เมื่อเทียบกับที่นายอานนท์พูดในวันนั้น

ในขณะที่เริ่มมีกระแสคัดค้าน เรียกร้องให้หยุดการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการเคลื่อนไหวในทำนองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนเป็นห่วงว่าจะเกิดม็อบชนม็อบขึ้น จึงน่าคิดว่าแทนที่จะทำให้การจาบจ้วงลดลง กลับกลายเป็นมากยิ่งขึ้น

ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ...เป็นไปไม่ได้ที่การเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่มีคนกลุ่มหนึ่ง ทำการวางแผน สร้างเครือข่าย สนับสนุน และขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลทางการเมืองตามที่คนกลุ่มนี้ต้องการ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นจริงๆ เป้าหมายสุดท้าย อาจไม่ใช่เพียงแค่แก้รัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่ยุบสภา การเปลี่ยนรัฐบาลเป็นเพียงเป้าหมายเบื้องต้น เพื่อให้ได้อำนาจรัฐ จากนั้นจึงมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า

เชื่อได้เลยว่า ฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ จะมีการตอบโต้ กระทบกระทั่งกันจนอาจเกิดความรุนแรงระดับสงครามประชาชนขึ้น ที่น่าห่วงคือมันจะไม่ใช่สงครามประชาชนเพื่อล้มรัฐบาล หรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่จะเป็นสงครามระหว่างประชาชน 2 ฝ่ายในลักษณะสงครามกลางเมือง

อย่าลืมว่า คำว่า ประชาชนที่ม็อบปลดแอก หรือม็อบ Harry Potter ชอบนำมาใช้กล่าวอ้าง แม้จะมีจำนวนไม่น้อย แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ  คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ต้องการไปแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์

สุดท้ายไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะได้รับความเสียหาย แต่เป็นประเทศชาติโดยรวม   คิดแล้วน่าห่วง ในขณะที่เมื่อมองจากสายตา จะเห็นว่า การท่องเที่ยว และการค้าขายภายในประเทศ เริ่มจะคึกคักขึ้น แสดงถึงอาการของการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน ติดอยู่เพียงที่การแพร่ระบาดของ covid ในต่างประเทศยังไม่คลี่คลาย หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในระดับดังกล่าว ก็จะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

หรือจะเอาแบบการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศคอมมิวนิสต์บางประเทศ ที่ต้องทำลายทุกอย่างเสียก่อน จึงจะสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นได้ ....ประเทศเราจะเอากันอย่างนั้นหรือครับ

 

อดีตรองอธิการบดี มธ. ซัดตรงๆผิดชัดปล่อยใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ ชุมนุมจาบจ้วง แปลกใจ อานนท์ รอดผิดม.112

(คลิกอ่านข่าวประกอบ :  อดีตรองอธิการบดี มธ.เตือน 11 ข้อ ต้องรู้ให้จริงไม่โดนหลอก ก่อนร่วมม็อบปลดแอก ลามปามสถาบันฯ