ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

เนื่องจากล่าสุด นาย ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ได้โพสต์ข้อความว่า "ผมจะไม่มีวันสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว จะสู้แบบไหน ก็สู้แค่เพื่อให้ได้ผู้กดขี่คนใหม่ และทิ้งคนอื่นๆ ไว้ข้างหลัง หักความฝันของคนที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง พี่ๆ ก็ดูไว้นะครับ ว่าผมเป็นมดงานพวกพี่มากี่ปี เป็นหนึ่งในคนที่พวกพี่บีบเค้นแรงงาน ให้เป็นบันได ให้เป็นที่เหยียบย่ำจนสามารถไปรับเงินสถานทูต นั่งรับเงินเดือนในตำแหน่งสำคัญๆ รับงานจาก NGO ต่างประเทศ เคลื่อนไหวตามการล็อบบี้ หรือตกเศษเงินให้น้องๆ หน้าใหม่ แต่ตัวเองหักไว้กินเอง 90% ผมไม่เอาด้วยหรอก ประชาธิปไตยส้นตีนนี่ที่ทำให้ผมต้องเสียเพื่อน เสียความรู้สึกกับคนที่ผมรัก เสียคนที่เคยเคียงข้างกันเป็นมิตรภาพที่งดงาม"

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล  จากปฏิกริยาของแนวร่วมทางการเมือง ในการต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา   สำหรับ  นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์  นักศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  แต่แท้จริงก็คือนักเคลื่อนไหวหน้าเดิม ในชื่อกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ,  กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ,  กลุ่มตัวแทนประชาชนผู้ไม่ยอมนิ่งเฉย   เป็นต้น    เพราะหลังจากออกเปิดตัวในชื่อแนวร่วมนวชีวิน  New Life Network  เดินหน้าประกาศทำกิจกรรมอดข้าว  ประท้วงการบริหารงานของรัฐบาล   ณ   บริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก  โดยมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  อดีตนักโทษคดีอาญามาตรา 112  หมิ่นสถาบันเบื้องสูง  เดินทางมาให้กำลังใจ  แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกภารกิจ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ


(คลิกอ่านข่าวประกอบ :  อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศอดอาหาร กดดันไล่รัฐบาล เปลี่ยนใจแล้ว )

เนื่องจากล่าสุด นาย ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ได้โพสต์ข้อความว่า  "ผมจะไม่มีวันสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว  จะสู้แบบไหน ก็สู้แค่เพื่อให้ได้ผู้กดขี่คนใหม่ และทิ้งคนอื่นๆ ไว้ข้างหลัง หักความฝันของคนที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง  พี่ๆ ก็ดูไว้นะครับ ว่าผมเป็นมดงานพวกพี่มากี่ปี เป็นหนึ่งในคนที่พวกพี่บีบเค้นแรงงาน ให้เป็นบันได ให้เป็นที่เหยียบย่ำจนสามารถไปรับเงินสถานทูต นั่งรับเงินเดือนในตำแหน่งสำคัญๆ รับงานจาก NGO ต่างประเทศ เคลื่อนไหวตามการล็อบบี้ หรือตกเศษเงินให้น้องๆ หน้าใหม่ แต่ตัวเองหักไว้กินเอง 90%  ผมไม่เอาด้วยหรอก ประชาธิปไตยส้นตีนนี่ที่ทำให้ผมต้องเสียเพื่อน เสียความรู้สึกกับคนที่ผมรัก เสียคนที่เคยเคียงข้างกันเป็นมิตรภาพที่งดงาม"


รวมทั้งยังได้โพสต์ข้อความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง   กรณีถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเวทีปราศรัยแห่งหนึ่ง  อาทิ  "อนุสติ #ทีมอคติ กับการอำลาวงการนักกิจกรรมฝั่งประชาธิปไตย หลังเป็นลิ่วล้อแบกหามมานานครัฟ"


การโพสต์ถึง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง   โฆษกสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สนท.   " ผมเป็นห่วงในแง่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล  แต่ผมไม่กลัว ถึงสิ่งที่รู้ว่าจะเกิดอยู่แล้ว  ผมไม่กังวล กับภาพที่ผมเห็นมาแล้วไม่รู้กี่รอบ และเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น   ต้องเสียน้ำตามาไม่รู้กี่ครั้ง ที่เรื่องราวเหล่านี้หวนกลับมาราวกับว่ามันจะไม่มีวันจบ  นี่ไม่ใช่เวลาที่เราต้องกลัว ถ้าคุณกลัว ผู้มีอำนาจทำสำเร็จ ถ้าคุณกังวลจนไม่กล้าขยับตัว คุณกลายเป็นหมากของความสับสน และจะทำให้การต่อสู้ของพวกเขา ไร้คุณประโยชน์ต่อเส้นทางอันยาวไกล   อย่าไปรบกวนจิตใจอันเข้มแข็งของพวกเขาในช่วงเวลาเหล่านี้ เขาเดินมาสู่จุดที่ต้องประเมินรอบตัวมามากพอ และนี่คือเวลาที่เขาต้องใช้กำลังเต็มที่ ไปกับการรับมือในสถานการณ์ตรงหน้า อย่าไปรบกวนพวกเขาโดยไม่จำเป็น #SavePanusaya"


ก่อนจะมาอธิบายเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด  มีใจความสำคัญบางช่วงตอนว่า  "ไหนๆ ก็มีพี่ๆ จากเพจ The METTAD ตามมาอ่าน และให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แล้วผมเองก็เกรงว่าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เลยอยากใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายเพิ่มเติมหน่อยนะครับ

ผมเอง เคลื่อนไหวในการต่อต้านคณะรัฐประหารนับตั้งแต่วันแรก ในฐานะเยาวชน และนักเคลื่อนไหวอิสระที่ไม่เห็นด้วยกับที่มาของอำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติที่ไม่มีความชอบธรรม ผมจึงไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด และไม่เคย 'ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่ง' ของขบวนไหนมาตั้งแต่ต้น ที่พูดแบบนี้ ก็เพราะไม่เคยมีส่วนร่วมในระดับใด นอกจากการช่วยแบกของ ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ แม้จะมีค่ายหรืออะไร ก็ไม่เคยถูกชวนไป 

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ
 

มีระยะหนึ่งที่ผมได้ร่วมงานการเมืองกับพรรคที่พวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่ค่อยจะนิยมเท่าไหร่นัก (โดยไม่คำนึงว่า ถ้าไม่ทำ กูจะเอาอะไรกิน) ก็โดนตัดขาดจากความเป็นเพื่อนบ้าง ถูกทำให้กลายเป็นคนไม่รู้จักกัน ในขณะที่หลายคนได้ถูกชักชวนไปทำงาน ณ พรรคแห่งหนึ่ง ผมและเพื่อนหลายคนไม่ได้ถูกชวนไป หรือถูกชวนไปก็กลายเป็นลูกจ้างระดับต่ำที่ค่าแรงออกไม่ตรงเวลา หรืออยู่ในพื้นที่ซึ่งอ้างว่าเปิดความคิดเห็น แต่ไม่ถูกรับฟัง เพราะระดับของการศึกษา

ระหว่างทาง ผมได้เจอหลายคนที่ต้องเจ็บปวด ต้องเสียใจ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องส่วนตัว (ทั้งแบบเรื่องส่วนตัวจริงๆ หรือการนำเรื่องส่วนตัวมาใช้โจมตีกัน) ได้ถามหลายๆ คน บางคนไม่ขอตอบ บางคนไม่ขอพูดถึงเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป หลายคนได้ระบายออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะฉะนั้น เรื่องที่ผมพูด ไม่ได้เพียงมาจากสิ่งที่ผมได้เห็น แต่ยังเป็นประสบการณ์ร่วมที่หลายๆ คนได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการที่ขาดการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะด้วยความบอบช้ำทางจิตใจที่ไม่สามารถทำใจได้ว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นมาจากเพื่อนร่วมทาง คนที่เคยพูดเรื่องนี้ไปก่อนผม บางคนโดนปล่อยภาพว่าไปกินเหล้ากับตำรวจ เลยโดนบอกว่าเป็นสาย ทั้งๆ ที่ภาพนั้นแม่งมาจากคนที่ปล่อยซึ่งแม่งก็ไปกินด้วยกัน

บางคนที่เอาเรื่องเหล่านี้ไปพูด โดนโทรขู่ทำร้าย บ้างเองก็ถึงขั้นโดนขู่วางเพลิง  (มีช่วงหนึ่ง ที่พวกอกหักเอามาย้อนคุยกัน ว่าเป็นช่วงที่นักกิจกรรมเข้าโรงพยาบาลบ้ากันเป็นโขยง ก็ตลกๆ ดี)
ในเรื่องหาเศษหาเลยนั้น ผมยังยืนยันอยู่ว่า แทบจะทั้งหมด แทบจะทั้งหมดที่นึกถึงออก หรือถ้าให้นับในจำนวนคนที่เป็นหน้าใหม่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ พวกเขาล้วน ใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว หรือที่มาจากการบริจาคของพี่น้องผู้ศรัทธาในตัวเหล่าคนที่เป็นนักสู้ และผมยังยืนยันได้ว่า มันแทบจะทุกคนที่ร่วมทาง ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการสูญเสียโอกาสทางอนาคตหลายๆ ทาง ในขณะที่พวกที่เป็น 'ลูกอีแอบ' บางคน ยังมีอนาคตเต็มที่ และไม่กลับไปทักทายคนเหล่านั่นราวกับว่าไม่เคยรู้จักกัน

บนทางของผม มันคือการต่อสู้กับเหล่ามิตร ผมจึงเคยอกหัก แต่กลับมาต่อสู้อีกครั้ง เคลื่อนไหวอีกครั้งบนเส้นทางของตัวเองและแนวร่วม ที่ถอดบทเรียนความผิดพลาด และเจ็บช้ำ ถ้าผมจะตาสว่างจากอะไร ผมก็คงตาสว่างจากเหล่าผู้กดขี่ ทั้งผู้กดขี่ต่อประชาชน และผู้กดขี่ที่เป็นวีรชนเอกชน ที่เหยียบหลังผู้อื่นไปบนเส้นทางประชาธิปไตย

การต่อสู้ของผมต่อเหล่าผู้มีอำนาจเหล่านี้จะไม่มีวันจบ จนกว่าสังคมนี้จะมีเสรีภาพ เสรีภาพที่แท้จริงที่ไม่ใช่เพียงแต่ต้องพูดเรื่องของผู้มีอำนาจได้อย่างหมดเปลือก แต่ยังต้องพูดถึงความไม่ชอบมาพากลทุกอย่างได้ในทุกระดับ  การต่อสู้ของผมต่อจะยังดำเนินไปจนกว่าเราจะมีสังคมที่ไร้ซึ่งความเหลื่อมล้ำ ทางโอกาส ทางอำนาจ ทางสังคม ทางการศึกษา แม้แต่ในทางที่เหลื่อมล้ำในระดับการมีส่วนร่วมกับกระบวนการทางประชาธิปไตยทุกรูปแบบ

อย่านับผมว่าเป็นฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่ผมกลับมายืนบนสนามนี้ ผมเลิกเรียกตัวเองว่าแบบนั้นไปแล้ว ผมนับว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ  จะสู้แบบที่ต้องมีผู้กดขี่คนใหม่ ผมไม่สู้ด้วย และถ้ามีผู้กดขี่คนใหม่ ผมนี่แหล่ะ จะหาทางฆ่าพวกแม่งก่อนใครเลย  จะสู้เพื่อประชาธิปไตย ก็จะได้มา ด้วยกระบวนการที่มีความเป็นประชาธิปไตยในทุกระดับ ผมไม่เคยกลัวไอ้อีหน้าไหน และผมเชื่อเสมอ ว่าการพูดความจริง ไม่เคยส่งผลเสียเท่ากับการตระบัดสัตย์กับมวลชน อย่านับรวมผมเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ไม่นับว่าผมเป็นพวกเดียวกัน ผมมีการต่อสู้ของผม พวกเขาบางคนเหล่านั้นมีการต่อสู้ของพวกเขา นี่ไม่ใช่การอกหักครับ แค่เรารู้ตัว ว่าเรามีการต่อสู้ของตัวเอง

ปล. ผมไม่เคยโกรธนะครับ ที่ไม่ให้ผมขึ้นพูดไม่ให้ขึ้น คือ เราเป็นคนที่ปราศัยไม่เก่งเลยอยู่แล้ว แล้วในโพสต์นั้นมันก็ชัดเจน ว่าผมไม่ได้ตั้งใจไปเพื่อปราศัย แต่มีน้องชวนตอนที่กำลังกลับ และน้องคนนั้นก็ไปจัดการลง คิวให้ ที่ผมโกรธในวันนั้นมากๆ คือการยึกยัก แล้วทำให้ต้องยืนรอโดยไม่มีความจำเป็น คือมันเสียเวลา เสียความรู้สึกที่ต้องยืนรอ และไม่มีคำตอบใดๆ สำหรับเรื่องนั้นต่างหาก 

เรื่องวันนั้น มันเป็นจุดแตกหักสำหรับผม มันเป็นความไม่พอใจที่มีอยู่มา 6-7 ปีบนเส้นทางนี้ (นั่นหมายความว่า สิ่งที่ผมพูดอยู่ ไม่เกี่ยวข้องเลย กับคนที่เพิ่งเริ่มเคลื่อนไหว หรือคนหน้าใหม่ในขบวน) ไม่ใช่อะไรที่อยู่ดีๆ ผมจะมาพูด และก่อนกลับมาบนทางนี้ ผมก็ได้พยายามรื้อฟื้นหลายๆ อย่างกับผู้เกี่ยวข้อง พยายามคุยดีๆ หลายครั้งเหมือนที่หลายๆ คนเคยทำในอดีต แต่ก็ไร้คำตอบ ไร้ผล ไร้การตอบรับ เคยพยายามพูดดีๆ อดทนนานแสนนาน จนต้องบันดาลโทสะ  มันมีหลายๆ เรื่องที่ผมไม่โอเคด้วย แล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาไม่โอเคเพราะแค่เรื่องนั้นเพียงอย่างเดียว ...  มันจบแล้วครับนาย"

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ

 

ภูมิวัฒน์ อดีตพลเมืองโต้กลับ ประกาศยุติร่วมม็อบปลดแอก แฉถูกใช้เป็นบันไดเหยียบย่ำ