- 25 ส.ค. 2563
สืบเนื่องจากการที่ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นายสัจจะ โชคบุญส่งสวัสดิ์ รักษาการ ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ เข้าพบ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารเพจเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” และผู้เกี่ยวข้อง ฐานกระทำความผิดร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดใน 6 ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
สืบเนื่องจากการที่ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นายสัจจะ โชคบุญส่งสวัสดิ์ รักษาการ ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ เข้าพบ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารเพจเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” และผู้เกี่ยวข้อง ฐานกระทำความผิดร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดใน 6 ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
กระทั่งมีรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศ จากการให้ข้อมูลกลุ่มบุคคลที่เป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊กที่มีพฤติการณ์ การรวมตัวของกลุ่มล่วงละเมิดกฎหมาอาญา มาตรา 112 ว่ามีการจำกัดการเข้าถึงของสมาชิกเพจในประเทศไทย ตามด้วยการที่ "เฟซบุ๊ก" ออกแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน กรณีมีกระแสข่าวจะฟ้องรัฐบาลไทย โดยแถลงการณ์ระบุว่า การดำเนินงานของ Facebook ต้องการปกป้องและรักษาสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ชี้การแทรกแซงนี้บั่นทอนการลงทุนในไทยและการดำเนินงานของสำนักงานในไทยด้วย
“หลังจากที่ Facebook ได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ทางรัฐบาลไทยระบุว่าเป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่รุนแรง และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก การดำเนินงานของ Facebook มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้ การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาลเช่นในกรณีนี้ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของ Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัทฯ และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Facebook”
พร้อมกันนี้ ได้ตอบข้อเรียกร้องของรัฐบาล คือ ประเด็นด้านเสรีภาพในการแสดงออกและกฎระเบียบที่ว่าด้วยการแสดงออกถือเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนมากที่สุดและมีความสำคัญสำหรับเราในฐานะที่เป็นองค์กร โดยเป็นหัวข้อที่ต้องอาศัยการหาความสมดุลที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่งระหว่างการช่วยให้ผู้คนสามารถแสดงออกถึงความคิดอย่างเสรีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมายท้องถิ่นและบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม
เมื่อเราได้รับคำขอจากรัฐบาลหรือหน่วยงานทางกฎหมายให้จำกัดการเข้าถึงของเนื้อหา เราได้ทบทวนว่าเนื้อหานั้นขัดต่อมาตรฐานชุมชนของเราหรือไม่ หากพบว่าเนื้อหานั้นละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะลบเนื้อหาทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม
ในกรณีที่เนื้อหานั้นไม่ได้ละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะนำเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมาย โดยกระบวนการทั้งสองขั้นตอนนี้เป็นไปเพื่อให้มั่นใจว่าคำขอนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และเนื้อหานั้นมีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นจริง และเราอาจจำกัดการเข้าถึงเนื้อหานั้นๆ ในประเทศที่ระบุว่าขัดต่อกฎหมาย โดยในประเทศไทย คำขอเหล่านั้นได้ถูกดำเนินการในรูปแบบคำสั่งศาลที่มีการยื่นคำร้องจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เราดำเนินการอย่างโปร่งใสในการแจ้งถึงจำนวนเนื้อหาที่เราจำกัดการเข้าถึง โดยอิงจากกฎหมายท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่รายงานเพื่อความโปร่งใส ซึ่งได้รับการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ทุกๆ 6 เดือน
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จ.ระยอง ถ้อยแถลงของเฟซบุ๊ก ที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับประเทศไทย ในการบล็อกเพจหรือบัญชีเฟซบุ๊กของผู้ที่โพสต์เนื้อหาหมิ่นเหม่พาดพิงสถาบัน ว่า เรื่องนี้ขอให้มอง 2 ด้าน ถ้ามีการขยายความกันไปอยู่แบบนี้บางครั้งก็มีผลกระทบต่อประเทศ กฎหมายประเทศไทยว่าอย่างไร ทุกคนก็ต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศเช่นกัน
“ผมเองไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศเพราะเป็นกฎหมายของเขา กฎหมายของใครก็คือของใครเพราะฉะนั้นใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ขอให้ระมัดระวังด้วยในเรื่องเหล่านี้ และผมอยากจะบอกและจำเป็นต้องเอ่ยชื่อไม่ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ทั้งหมดก็มาจากเพจกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า royalist marketplace ซึ่งก็รู้ว่าใครเป็นผู้ขับเคลื่อนเพจดังกล่าวก็คือนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายประวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ซึ่งคนเหล่านี้ทุกคนก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แล้ววันนี้อยู่ที่ไหน แล้วเขารับผิดชอบความเสียหายกับประเทศชาติของเราหรือเปล่า นี่คือสิ่งสำคัญคนไทยที่เหลือต้องเข้าใจตรงนี้เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เขาทั้งสองคนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนที่เดือดร้อนที่สุดคือประเทศไทย
และการที่เรามีการดำเนินการในเรื่องของเพจต่างๆเหล่านี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฏหมายไทยทั้งสิ้น แล้วก็ไม่เคยไปใช้อำนาจ ที่เรียกว่าเผด็จการ ซึ่งผมไม่ได้มีแล้ว ไปปิดมันไม่ใช่ เป็นการขอคำสั่งศาลในทุกตัว เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในทางกฎหมาย เราสามารถที่จะยืนยันได้ตรงนี้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายไทย และการปิดเพจอะไรไปก็แล้วแต่ ก็เป็นการขอความร่วมมือและเป็นไปตามคำสั่งศาลทั้งสิ้น หากมีการฟ้องร้องดังกล่าวเราก็ต้องใช้กฎหมายไทยไปสู้ในทางกฎหมายของเรา และถึงแม้ในทางกฎหมายจะมีสิทธิเสรีภาพแต่ก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายของไทย เหมือนกับที่เราไม่เคยไปผิดกฏหมายของประเทศอื่นเช่นกัน เรื่องนี้เราต้องมอง 2 ทางเสมอ”
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ไม่มีปัญหาอะไรตนทำตามกฎหมาย และหลังจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมายของเราต่อไปหากมีกรณีเช่นนี้อีกเราก็จะฟ้องเช่นเดิม แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นว่าเฟซบุ๊กจะฟ้องที่ไหนอย่างไร แต่ยืนยันสิ่งที่เราดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายทุกเรื่อง อะไรที่ผิดกฎหมายเราก็ไม่เคยเพิกเฉยและนี่เป็นครั้งแรกที่เราดำเนินการไปถึงเจ้าของแพทฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลไทย เนื่องจากเราส่งคำสั่งศาลไปให้ลบเนื้อหาต่างๆที่ไม่ถูกต้องภายใน 15 วัน หากเขาไม่ดำเนินการเราก็ดำเนินการกับแพทฟอร์ม ถือเป็นการกดดันและทำตามกฎหมาย แต่หากเขาลบให้เราก็ไม่ดำเนินคดีเขา ส่วนที่เขาจะฟ้องกลับอย่างไรตนก็ยังไม่ได้ดูรายละเอียดแต่ก็ต้องยืนยันว่าประเทศไทยก็มีกฎหมาย “ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศเมื่อมาดำเนินธุรกิจต่างๆในประเทศไทยก็ต้องเคารพในกฎหมายไทยด้วย และที่เราทำก็ทำภายใต้กฎหมายไม่ได้รังแกใครเลยเพราะเป็นคำสั่งศาลทั้งสิ้น หากต่อไปมีอะไรผมก็จำเนินการตามคำสั่งศาลกับทุกแพทฟอร์มไม่ใช่แต่เฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่เขาก็ลบให้”