- 04 ก.ย. 2563
จากกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 มีมติเห็นชอบในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนขอบกองทัพเรือ (ทร.) เพิ่มเติมอีก 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น
จากกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 มีมติเห็นชอบในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนขอบกองทัพเรือ (ทร.) เพิ่มเติมอีก 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น
กระทั่งต่อมา พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกิจการพลเรือน ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงข่าวกรณีการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพเรือ โดยระบุว่า หลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยเรื่องเรือดำน้ำ สร้างความเสียหายต่อส่วนรวม สร้างความแตกแยก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองทัพ และการที่บอกว่า การซื้อแบบจีทูจีเป็นสัญญาเก๊ ก็น่าประหลาดใจ ถ้าจำนำข้าว จึงจะเก๊ เพราะทำสัญญาจีทูจีไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำสัญญาจีทูจีอย่างถูกต้องและโปร่งใส พร้อมขอสังคม อย่าตกเป็นเหยื่อทางการเมือง การหยิบยกว่าการใช้เงินจำนวนมาก 22,500 ล้านบาทไปจัดซื้อนั้น ก็ไม่ได้จัดซื้อครั้งเดียวทั้งก้อน เป็นการทยอยจ่าย ดังนั้น พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จึงได้มอบหมายทีมงานให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งนี้ ซึ่งการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน รัฐบาลก็มีงบประมาณในส่วนนี้อยู่แล้ว ในส่วนของกองทัพเรือก็เช่นกัน ก็ต้องเดินหน้าต่อไปในการทำงาน ซึ่งก็เป็นโครงการต่อเนื่อง
ด้านพล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากที่กองทัพเรือเข้าชี้แจงงบประมาณต่อคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ และมีคณะอนุกรรมาธิการฯบางคนนำข้อมูลมาแถลง แต่เป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน อาจเป็นการหวังผลทางการเมืองที่จะกระทบต่อรัฐบาล จึงจะนำข้อเท็จจริงมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมยืนยันว่า กองทัพเรือเล็งเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมาตลอด จึงได้จัดหาเรือดำน้ำตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ แต่มักจะถูกโยงเป็นประเด็นทางการเมือง
ล่าสุด พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. มอบหมายให้ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาร ผช. ผบ.ทร. ลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้ น.อ.อรรณพ แจ่มศรีใส นายทหารเรือพระธรรมนูญ ดำเนินคดีกับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคราม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม แล้ว
ทั้งนี้ พล.ร.ท. ประชาชาติ ศรีสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยรายละเอียดด้วยว่า จากคำสั่งของผู้บัญชาการทหารเรือ ทางด้าน พล.ร.อ.ชาติชาย จึงดำเนินการให้กรมพระธรรมนูญ กองทัพเรือ เข้าแจ้งความดำเนินคดี นายยุทธพงศ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท จากการแผยแพร่ข้อมูล คำให้สัมภาษณ์ บิดเบือนข้อเท็จจริง ว่าด้วยการขออนุมัติงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ของกองทัพเรือ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงสงสัย ต่อการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ ทั้ง ๆ ที่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ด้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ได้ทวิตข้อความระบุว่า "ผบ.ทร. ส่งนายทหารรัฐธรรมนูญ ไปแจ้งความฯ ที่กองปราบ ให้ดำเนิน คดี กับ ส.ส.โจ้ - ยุทธพงศ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทกองทัพเรือ เรื่อง ซื้อเรือดำน / ผมยืนยันว่า ผมทำหน้าที่ ส.ส.เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ปชช. และประเทศชาติ #กองทัพเรือกลั่นแกล้ง #ไม่เอาเรือดำนำผิดด้วยหรือ #เพื่อไทย #สู้ต่อไป"
ต่อมามีรายงานข่าวเพิ่มเติมวา น.อ. อรรณพ แจ่มศรีใส ผู้อำนวยการกองกฤษฎีกา สำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ ระบุว่า ได้รับมอบอำนาจจากกองทัพเรือ โดย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าพบ ร.ต.อ.ชัชวาล ละอองบัว รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานหมิ่นประมาทกองทัพเรือ ทำให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 เวลาประมาณ 12.58 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีข้อความการจัดสร้างเรือดำน้ำของกองทัพเรือ สรุปความได้ว่า ข้อตกลงนั้นไม่ใช่สัญญาจีทูจี ปกปิดเอกสารมาตลอดสัญญาดังกล่าว เป็นโมฆะ กองทัพเรือไม่ชี้แจงกรณีดังกล่าวได้เลย ไม่โปร่งใสในสัญญาซื้อเรือดำน้ำ
จากนั้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2563 นายยุทธพงศ์ ยังได้แถลงต่อสื่อมวลชนอีกว่า มีความไม่ชอบมาพากล กรณีกองทัพเรือดันทุรังซื้อเรือดำน้ำ เรียกร้องอย่าผลาญเงินภาษี ซึ่งไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง ทำให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง กองทัพเรือได้มอบอำนาจให้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
ขณะที่ น.อ.ฐิระชัย แก้วปาน ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ กล่าวกับสื่อมวลชนว่ามาทำหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดว่าดำเนินคดีกับใคร ข้อหาใดได้ ก่อนจะเดินทางกลับไป