- 09 ก.ย. 2563
ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ตั้งช้อสังเกตุ สถานการณ์การเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการปลุกระดมผู้คนเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. 2563 ว่า #แผนชั่วของผู้อยู่หลังม็อบ .. เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันยังไม่ได้มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น แต่หนึ่งในป้ายของม็อบปลดแอกเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลับมีป้ายที่เขียนข้อความ “STOP KILLING STUDENT” ซึ่งแปลว่า“หยุดฆ่านักเรียน” ปรากฏขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลเป็นภาษาอังกฤษ หวังสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสถานการณ์ปัจจุบันในสายตาของต่างประเทศ
ถือเป็นกระแสทางการเมืองที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะมีเหตุสอดแทรกทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ สำหรับการปลุกระดมชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. 2563 ด้วยเหตุผลว่ามีการท้าทายจะนำประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ไปปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ นอกเหนือจากการเดินหน้าขับไล่รัฐบาล ที่เป็นข้อเรียกร้องมาโดยตลอดก่อนหน้า
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : อดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองฯ ซัดโครม ธนาธร แก๊งปลุกระดมม็อบ อย่าหลบอยู่หลังเด็ก อายหมา )
ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ตั้งช้อสังเกตุ สถานการณ์การเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการปลุกระดมผู้คนเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. 2563 ว่า #แผนชั่วของผู้อยู่หลังม็อบ .. เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันยังไม่ได้มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น แต่หนึ่งในป้ายของม็อบปลดแอกเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลับมีป้ายที่เขียนข้อความ “STOP KILLING STUDENT” ซึ่งแปลว่า“หยุดฆ่านักเรียน” ปรากฏขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลเป็นภาษาอังกฤษ หวังสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสถานการณ์ปัจจุบันในสายตาของต่างประเทศ
นี่รึเปล่าสิ่งที่ผู้อยู่เบื้องหลังม็อบต้องการ? นั่นก็คือ การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงโดยใช้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ นักเรียน นักศึกษา เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล หวังโยนความผิดทั้งหมดไปที่รัฐบาล นำไปสู่การใช้โลกล้อมประเทศ เปิดโอกาสให้มหาอำนาจต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในด้วยการอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และสนับสนุนนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ ไม่ต่างอะไรจากม็อบที่เกิดขึ้นในฮ่องกงและที่อื่นๆทั่วโลก โดยมีประเทศมหาอำนาจแทรกแซงอยู่เบื้องหลัง
ซึ่งอาจเป็นเพราะรัฐบาล ไม่ใด้ทำตามข้อเรียกร้องของมหาอำนาจ ที่โดยปกติแล้ว ถ้ามหาอำนาจต้องการอะไรจากรัฐบาลทั่วโลกแล้วไม่ได้ ก็จะหันมาแทรกแซงแล้วหนุนฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกันในอนาคต หากวันหนึ่งฝ่ายตรงกันข้ามสามารถโค่นรัฐบาลเดิมลงได้ และเข้ามากุมอำนาจรัฐไว้ในมือ
โดยรูปแบบสงครามในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว สงครามในยุคปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเสมอไป หากแต่เป็นการสนับสนุนเงินทุนในการเคลื่อนไหว ผลักดันให้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธ โดยอาศัยความเชื่อและข้อมูลบิดเบือนที่คอยระดมยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงให้กับคนในชาตินั้นๆ เพื่อทำให้เกิดความแตกสามัคคี แบ่งฝ่ายรบกันเอง ทำลายล้างกันเอง รอวันที่ชาตินั้นๆจะอ่อนแอลง แล้วมหาอำนาจก็เข้ามาแทรงแซง กอบโกย และตักตวงผลประโยชน์ในที่สุด
แค่พิษโควิดก็ทำให้เศรษฐกิจแย่เกินพอแล้ว อย่าให้ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้นอีกเลย มิเช่นนั้นเศรษฐกิจก็คงแย่ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่อย่างมหาศาล และผู้แพ้ตัวจริงก็คงหนีไม่พ้นประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ในขณะที่นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังกับประเทศมหาอำนาจต่างก็สมประโยชน์ต่างตอบแทนร่วมกัน ในฐานะของผู้ชนะตัวจริง
การเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถูกต้อง จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและสันติวิธี เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่การใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายอย่างที่ผ่านๆมา และกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สถานการณ์วันที่ 19 ก.ย.นี้จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก มีลูกเตือนลูก มีหลานเตือนหลาน ถ้าลูกหลานของนายธนาธรไม่ออกไปนำม็อบ ก็อย่าคิดที่จะไปเลยครับ เพราะมันอันตรายและถูกเขาเอาเปรียบอีกต่างหาก ลูกหลานของเขาอยู่สุขสบาย แต่ลูกหลานของคุณนี่แหละที่จะเป็นตกทาสและเครื่องมือทางการเมือง แถมยังเสี่ยงภัยจากการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบอีกด้วย
#ต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ #ประชาชนคนไทยไม่ต้องการฮ่องกงโมเดล