- 13 ก.ย. 2563
พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ เตือนเยาวชนคนรุ่นใหม่ คิดรอบคอบร่วมชุมนุมตามกระแสปลุกระดม ตั้ง 4 คำถาม ตอบตัวเองก่อนตัดสินใจ
สืบเนื่องจากการที่นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงจุดยืนพร้อมเชิญชวนศิษย์เก่าร่วมลงนาม ร้องขอให้มีการพิจารณาเหตุผลของการเสนอระงับการใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ โดยเตรียมเข้ายื่นเรียกร้องไปยังกรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ต้องพิจารณาการใช้พื้นที่ของผู้ชุมนุมในครั้งนี้ ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ เวลา 16.00 น.
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : อ.แก้วสรร แจง 5 ข้อ ทำไม ประชาคมธรรมศาสตร์ ต้องค้านมธ.ปล่อยเพนกวินจัดม็อบ )
ทั้งนี้เงื่อนไขสำคัญ 5 ข้อ ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนของกลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์ ในการปกป้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และป้องกันสิ่งที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบของการเปิดพื้นที่ให้มีการชุมนุมทางการเมือง ประกอบด้วย
1.เป้าประสงค์ : กลุ่มนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุม แถลงยืนยันไว้ชัดเจนว่า จะเปิดชุมนุมนักศึกษาและประชาชน 1 วัน 1 คืน จากนั้นจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลตัวเลขโดยประมาณอยู่ที่ 40,000 คนขึ้นไป เพื่อ “ต่อสู้สร้างแผลให้เผด็จการอย่างไม่รู้ลืม” และสัญญาว่า “พี่น้องจะไม่กลับมือเปล่าอย่างแน่นอน”
2.สงบแต่ปาก : ขบวนที่จะมารวมและยกไปทำเนียบนี้ กลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มนี้เห็นว่ามีคุณภาพเป็นมวลชนแห่งความจงเกลียดจงชัง ที่ผ่านการปลุกปั่นมายาวนานในโลกไซเบอร์ ซึ่งเมื่อออกจากทวิตเตอร์มารวมตัวกันจริงๆบนท้องถนนแล้ว ก็ยิ่งจะก้าวร้าวราวกับเร้ดการ์ด จนยากที่จะเชื่อหรือหวังในความสงบและการเจรจากันเช่นวิถีทางประชาธิปไตยได้
3.สุ่มเสี่ยงสูงสุด : สำหรับความสามารถและความรับผิดชอบนั้น ก็มองไม่เห็นเลยว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีความสมารถในการนำ ควบคุม จัดการ คุ้มครอง ผู้ชุมนุมได้อย่างไร เห็นมีแต่ความสามารถทางวาทกรรมเท่านั้น
คำกล่าวที่ว่าจะชุมนุมโดยสงบ จึงเป็นเรื่องเกินศักยภาพทั้งสิ้น ยิ่งวางแผนว่าจะเทม็อบ 40,000 คนใส่ทำเนียบรัฐบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าห่วงว่า จะได้เห็นร่างวีรชนต้องจากไปอีกหลายคนเหมือนคราวที่เทม็อบพฤษภาทมิฬอีก
4.ไว้วางใจไม่ได้ : ท้ายที่สุดกลุ่มศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นักศึกษากลุ่มนี้จะมีการนำและการจัดการโดยอิสระลำพังกลุ่มตนเองได้ แทนที่นักศึกษาและคนพวกนี้จะกล้าประกาศรวมตัวให้ปรากฏเป็น “แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ” ที่โปร่งใสชัดเจน ชัดทั้งการนำและอิสระทางการเมืองตลอดจนที่มาของค่าใช้จ่ายและจุดแห่งชัยชนะที่ต้องการ พวกเขากลับดันให้เด็กนักศึกษาของเราไม่กี่คนมาออกหน้า ความลับๆล่อๆเช่นนี้ เป็นไปแล้วและเป็นไปได้ก็ด้วยเหตุที่กฎหมายชุมนุมสาธารณะได้ยกเว้นไว้ ไม่ให้นำมาตรการตรวจสอบมาใช้กับกาชุมนุมในสถานศึกษาจนเปิดช่องให้มีการวางแผนเลี่ยงกฎหมาย โดยขอจัดชุมนุมในมหาวิทยาลัยส้องสุมกำลังก่อน แล้วยกขบวนออกไปอาละวาดนอกมหาวิทยาลัยต่อไป
5.ธรรมศาสตร์มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้ : ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ศิษย์เก่าท้ายบันทึกดังกล่าวจึงเห็นว่าคำขอจัดชุมนุมครั้งนี้ไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ไม่มีความสามารถและความรับผิดชอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย จนไม่อาจรับรองให้ชุมนุมโดยอิสระในสถานศึกษาได้
ล่าสุด พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ "อ.แก้วสรรค์เชิญศิษย์เก่า มธ.ไปพบกันที่หน้าตึกโดม วันที่ 15 กันยายน 2563 เวลา 15.30 น."
... วันนี้เอาเรื่องบางตอนใน หนังสือ "ผ่านฟ้าลีลาศ" มาให้่อ่านกันครับ เพราะเหตุการณ์ มันเริ่มจะคล้ายคลึงเรื่องเดิมๆมากขึ้นทุกทีแล้ว ตอนนั้นที่ธรรมศาสตร์ถึงกับบังคับให้น้องใหม่เข้ารับการวิจารณ์ตนเอง ที่ห้อง เอที. ไล่ด่าอาจารย์ที่ไม่เห็นด้วย ......."
ก่อนหน้านั้น พล.ท.นันทเดช ได้เขียนบทความพิเศษ เรื่อง "คู่มือการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. 2563 นี้" เพื่อต้้งคำถามพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ก่อนคิดจะเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า
1. น้องๆ ที่จะไปชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. 2563 ก่อนไปต้องดูเหตุผลที่จะไปชุมนุมว่ามาจากเรื่องอะไรบ้าง
1.1 มีคนชวน เพื่อนหรือแฟนหรือรุ่นพี่รูปหล่อ ฯลฯ ชวนไป
1.2 เราต้องการไปเองเพราะอยากรู้อยากเห็น อยากเฮฮา ได้ด่าผู้ใหญ่เล่นบ้าง สนุกสนานดี
1.3 ตั้งใจไปเพราะรัฐบาลเผด็จการ รัฐธรรมนูญก็เผด็จการ นายกรัฐมนตรี ก็มาจากการรัฐประหาร
1.4 ไปแล้วได้ตังค์ค่าขนม (วันเสาร์ที่ 19 โรงเรียนก็หยุด แต่แต่งเครื่องแบบนักเรียน)
2. ทั้ง 4 ข้อนี้ขอสนับสนุนให้ไปชุมนุมได้เลยทุกข้อ ยกเว้นข้อ 1.3 เท่านั้นที่ขอให้ไปเปิด Google ดูก่อนว่า
2.1 รัฐบาลเผด็จการ ลองไปดูรัฐบาลไหนในโลกนี้ที่ให้สิทธิแก่ประชาชนเท่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีบ้างไหม ดูไปทีละประเทศ จะพบว่ารัฐบาลไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ครับ ชนะในอาเซียนด้วย นอกจากนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้โกง เสียอย่างเดียวเอาเวลาไปทุ่มเทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศเสียใหญ่โตมโหฬารมากกว่าทุกรัฐบาลที่จากการเลือกตั้ง จนละเลยปัญหาเล็กๆ ของพวกหนูไปบ้าง
2.2 ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลมาจากการรัฐประหาร ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งเหมือนกับพรรคอนาคตใหม่และพรรคเพื่อไทย ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญชุดนี้จะมี ส.ส.ได้สักกี่คนกัน
2.3 รัฐธรรมนูญไม่ดี รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างมาเพื่อป้องกันการโกง เพราะเมื่อรัฐบาลโกง ประชาชนก็จะออกมาต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลก็จะปราบปรามประชาชน ทหารก็จะออกมารัฐประหารอีก กลายเป็นวงจรที่ไม่ยุติกันเสียที นอกจากนั้นถ้ารัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้รัฐบาลโกงได้แล้ว ประเทศรอบบ้านเราหรือประเทศมหาอำนาจ เศรษฐีทุ่มเงินแค่หมื่นล้านบาทก็ได้เป็นรัฐบาลแล้ว หมูมาก หรือไม่ก็พวกนักธุรกิจหุ้นกันคนละพันล้านบาทก็พอแล้ว เป็นเจ้าของประเทศไทยได้ง่ายๆ ใครๆ ถึงอยากล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้กันนักเพราะมันโกงยาก
2.4 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมาจากการลงประชามติ ตอนลงประชามตินั้น ทั้งพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตมากที่สุด จนไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเลย ร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่ รวมตัวกันคัดค้านน่ากลัวมาก เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอนนั้นยังเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร การจัดตั้งมวลชนยังเป็น “วุ้น” อยู่เลย แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ชนะการลงประชามติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงมาตามกฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญทุกอย่างครบถ้วน และประชาชนก็รับรองว่ารัฐธรรมนูญเหมาะสมกับสภาพทั่วไปของประเทศไทย
3. แต่ถ้าพวกหนูยังเถียงกันอีกว่ายังไง พล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มมาจากการรัฐประหารอยู่ดี ก็ถูกต้อง แต่น้องๆ ก็ควรคิดดูก่อนว่าทำไมถึงต้องมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ทำน้ำท่วมบ้านท่วมเมืองเพราะบริหารจัดการไม่ดี ซึ่งพอยกโทษให้เพราะนายกรัฐมนตรียังเด็กอยู่ พูดยังผิดๆ ถูกๆ แต่ดันไปเชื่อพวก ส.ส. ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยตอนตี 4 เพื่อพาคุณทักษิณกลับประเทศ ผิดรัฐธรรมนูญและทำมา 2-3 ครั้งแล้ว นอกจากนั้นยังเกิดการทุจริตโครงการจำนำข้าวและทุกอย่างที่เกี่ยวกับข้าวอย่างไม่เคยมีมาก่อน แค่นั้นยังไม่พอ คุณยิ่งลักษณ์ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตี (7 พ.ค. 2557) กรณีก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซ้ำซ้อนกัน ทำให้รัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี หมดอำนาจสั่งการทางการเงินและเรื่องสำคัญๆ แต่ก็ยังสั่งให้ตำรวจปราบปรามประชาชนอยู่เช่นเดิม จนประชาชนทั้งสองฝ่ายเตรียมจะฆ่ากันอยู่แล้ว ทหารจึงถูกประชาชนนับล้านออกมากดดันให้ออกมาทำรัฐประหาร มีการชุมนุมที่มีคนร่วมชุมนุมนับล้านคนถึง 4 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งพอที่จะก่อม็อบยึดบ้านเมืองได้ แต่ไอ้ม็อบบ้าๆ นี้ก็บ้าสันติ ไม่ได้เคลื่อนไหวนำคนนับล้านไปทำอะไรเลย เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมใหญ่ครั้งละ 1 ล้านคนเสร็จก็เลิก แยกย้ายกันกลับบ้าน ผู้มาชุมนุมก็เริ่มหมดตัว เบื่อหน่าย หาทางสะสมอาวุธจะโต้ตอบรัฐบาลรักษาการบ้าง ตอนนั้นเองที่ พล.อ.ประยุทธ์จึงตัดสินใจทำรัฐประหาร
อนึ่ง ผมเขียนเคยต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปแรงๆ หลายครั้งในเรื่องอยู่เฉยทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ตอนที่ประชาชนเสียชีวิตที่ถนนบรรทัดทอง (มีการทิ้งระเบิดลงมาจากตึก) ประชาชนเสียชีวิตที่ราชประสงค์ด้วยการยิง M79 มาจากทางประตูน้ำ คนตายก็ไม่ได้เป็นผู้ที่มาชุมนุมด้วย, มีการปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขณะที่มีการอภิปรายบนเวที, ยิงทิ้งคนบนขบวนรถ และอีก 3-4 แห่ง เข่นฆ่าเรื่อยมาจนพวกป๊อบคอร์นทนไม่ไหวออกมายิงสู้บ้าง เกิดเรื่องตั้งมากมายขนาดนี้กว่า พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ตัดสินใจรัฐประหารได้
4. เมื่อพวกน้องๆ ที่จะไปชุมนุม เปิด Google ดูเรื่องเหล่านี้แล้ว ค่อยตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ ถ้ายังเห็นว่าอยากไป ก็ต้องไปครับ แต่ไปชุมนุมเฉยๆ อย่าไปบ้าตามคนที่อยู่บนเวที และต้องไม่ลืมว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่าคิดว่าสาดสีใส่ตำรวจครั้งหนึ่งแล้ว จะสาดสีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ได้อีก ทุกเรื่องมีขอบเขต ทุกอาชีพมีความอดทนจำกัดครับ ดังนั้นเมื่อไปชุมนุมแล้วพวกเขาจะพาเดินไปทำอะไรที่ไหน ขอให้ระวังนะครับ คนไทยอีก 65 ล้านคนเขารักสถาบันพระมหากษัตริย์กันทั้งนั้น ถ้ามีการทำจริงๆ ครั้งนี้รัฐบาลจะไปห้ามปรามใคร เขาก็ไม่ยอมหรอกครับ เชื่อผมเถอะนรกแตกแน่ๆ
พวกน้องๆ จำนิทานเรื่องหมาหางด้วนได้ไหมครับ ที่หมาหางด้วนตัวหนึ่งเห็นหมาทุกตัวมีหางสวยดี ก็พยายามชวนให้หมาตัวอื่นไปตัดหางออกให้ด้วนเหมือนตัวเอง
"รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาสมานานแล้ว ทาสในสมัยนั้นกว่าจะเป็นไทได้ต้องมีการตั้งโรงเรียนสอนหนังสือให้ความรู้กับทาสก่อน มีการหาที่ดินทำกินให้และยังมีการสร้างคลองเข้ามาถึงที่ดินให้ด้วย แต่ทาสสมัยใหม่ได้อะไรมาบ้าง เท่าที่เห็นก็มีมากพอควร เช่น ได้เต้นโชว์หน้าฝูงชน เวลาเดินเข้าโรงเรียน เพื่อนๆ ก็หลีกทางให้ ครูอาจารย์เกรงใจไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน พ่อแม่ก็ไม่กล้าดุอีก แต่ “ชีวิตอีก 50 ปี” จะต้องเสี่ยงมากหน่อยว่าจะอยู่แบบไหนในอนาคต เพราะทุกเรื่องต้องมีข้อยุติ คนดี คนรักบ้านเมืองจะชนะทุกที่ครับ เชื่อผมเถอะ"
ขณะเดียวกัน พล.ท.นันทเดช ยังเพิ่มเติมความเห็น โดยการประเมินสถานการที่จะเกิดขึ้น ว่า "ธรรมศาสตร์ไม่ทน แต่เด็กๆต้องทน" สถานการณ์ "ธรรมศาสตร์ไม่ทน"ของเด็กๆกลุ่มหนึ่ง ใน 19 กันยานี้ ไม่น่าจะวิตกอะไรครับ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ อะไรจริงก็หนีความจริงไม่พ้น อะไรเกินความจริงก็จะหลอกใคร ไม่ได้อีก แม้แต่คนท่ีมาหลอกเด็กให้ออกมาเคลื่อนไหวบ้าๆบอๆ ก็จะหลอกเด็กได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้เด็กๆจะเริ่มกางเต้นท์นอนข่มขู่กันแล้วก็ตาม
ดังนั้นอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วเด็กก็จะเรียนรู้เอาเองครับ แต่ที่น่าวิตก ก็ตอนที่ประชาชนส่วนใหญ่ กำลังจะเริ่มไม่ทนต่อเด็กมากกว่า ประชาชนส่วนนี้ จะอยู่เฉยๆ ต่อไปได้นานแค่ไหน กับม็อบเด็กมีสปอนเซอร์ เป็นเรื่องที่พูดคุยกันแล้วต้องทำใจเย็นๆครับ ความเสี่ยงจากโควิด น่าจะสำคัญกว่า
บทเรียนในอดีต สอนไว้ว่า "เมื่อไรที่เกิดม็อบที่ประชาชนลงถนนโดยมากันเองแล้ว เมื่อนั้นรัฐบาล ไปทันทีครับ" แต่ถ้ารัฐบาลไม่โกง พวกม็อบมีสปอนเซอร์ต่อให้ขนมาหลายหมื่น เผาบ้านเผาเมืองด้วย ก็เปล่าประโยชน์ ตัวอย่างมีมาแล้วเมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา สงสารแต่พวกม็อบเด็กๆเท่านั้นจะลงก็ไม่ได้ อายเพื่อน ผู้ใหญ่มันยกกันจนลอยไปแล้ว มองไปข้างหลังคนที่หนุนก็กำลังใช้ประโยชน์จากจากพวกเด็กๆอย่างเต็มที่.. เอาไงดี