- 18 ก.ย. 2563
สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ประยุททธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงการณ์เรื่อง "การแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก" ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดว่า อยากให้เหล่าแกนนำการจัดชุมนุมต่างๆ พักเบรกในการรวมกลุ่มบุคลลคลเป็นจำนวนมากเอาไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด - 19 ยังไม่ทุเลาเพราะถึงแม้ประเทศไทยจะควบคุมโรคได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่รอบประเทศยังคงน่าเป็นห่วง
สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ประยุททธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงการณ์เรื่อง "การแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก" ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดว่า อยากให้เหล่าแกนนำการจัดชุมนุมต่างๆ พักเบรกในการรวมกลุ่มบุคลลคลเป็นจำนวนมากเอาไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด - 19 ยังไม่ทุเลาเพราะถึงแม้ประเทศไทยจะควบคุมโรคได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่รอบประเทศยังคงน่าเป็นห่วง
ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "เมื่อวานนายกรัฐมนตรีออกมาเตือนว่า ปัญหาการระบาดของโควิดระลอก 2 กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก หลายประเทศการระบาดยังคงอยู่ในระลอกแรก แต่ไม่มีทีท่าจะมีผู้ติดเชื้อลดลงเลย เช่น สหรัฐอเมริกา และอินเดียเฉพาะอินเดีย ประเทศเดียว มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดถึงกว่า 5 ล้านรายแล้ว และยังเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 9 หมื่นราย
การออกมาเตือนของนายกรัฐมนตรี คงไม่ได้สร้างความหวั่นไหวต่อแกนนำการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนนี้สักเท่าใด นอกจากจะไม่หวั่นไหวแล้ว ยังน่าจะออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรีอีกด้วยว่า สร้างเรื่องโควิด ทำให้ประชาชนหวาดกลัว เพื่อหวังให้การชุมนุมมีคนมาร่วมน้อยลง ความจริง ที่นายกรัฐมนตรีออกมาเตือน โดยข้อเท็จจริง นับว่ามีความน่ากลัวไม่น้อย แต่ขณะนี้ เวลาเราไปไหนมาไหนในประเทศไทย นอกจากการสวมหน้ากาก และการต้องถูกวัดอุณหภูมิเวลาเข้าไปในห้างหรือในอาคารต่างๆแล้ว เราแทบไม่รู้สึกเลยว่ายังมีการระบาดของโควิดอยู่ ทำให้เราไม่ค่อยกลัวโควิดกันแล้ว ทั้งๆ ที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก สถานการณ์การติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับวิกฤตทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี เราอาจลืมไปแล้วว่า ประเทศไทย หลังจากที่ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันมากกว่า 100 วัน ในที่สุดก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศเกิดขึ้น 1 ราย แม้จะตรวจเช็คแล้วยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อจาก การสัมผัสกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถค้นหาพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ไปรับเชื้อมาจากใคร นั่นแสดงว่า อาจยังมีคนที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และยังไม่เคยได้รับการตรวจ อย่างน้อย 1 คน
ลองคิดดูว่า หากในวันชุมนุม มีคนมาร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน แออัดอยู่ที่ลานปรีดี และในผู้ชุมนุม มีคนติดเชื้อโควิดแต่ไม่รู้ตัว เข้ามาร่วมอยู่ด้วยเพียง 1 คน จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
จะอย่างไรแกนนำการชุมนุม ไม่ฟังนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว การชุมนุมจะยังคงมีขึ้นภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะอะไรจึงต้องรีบกันนักหนา ที่จะต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้ เพราะอะไรจะต้องรีบล้มรัฐบาลให้ได้ เชื่อว่าผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากมีความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หากทำได้ตามที่แกนนำประกาศ จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แต่สำหรับตัวแกนนำทั้งหลาย รวมทั้งผู้ที่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง น่าจะไตร่ตรองให้ดี หากมีความหวังดีต่อประเทศชาติจริง ก็น่าจะหยุดเรื่องการชุมนุมไว้ก่อน จนกว่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่านี้ หรือจนกว่าจะมีวัคซีนโควิดที่ได้ผลจริง
รอกันไม่ไหวกันแล้วจริงๆ หรือ รอไม่ไหวถึงกับต้องยอมเสี่ยงกับหายนะของประเทศเช่นนี้ หากมีการติดเชื้อโควิดระลอก 2 ขึ้นจริง และเริ่มจากในที่ชุมนุม ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมากกว่าในสนามมวยมาก ครั้งนี้ เศรษฐกิจในประเทศที่กำลังเริ่มจะดีขึ้น เพียงรอให้สถานการณ์โควิดทั่วโลกดีขึ้น ก็จะถึงแก่หายนะของจริง แน่นอน"