- 22 ก.ย. 2563
สืบเนื่องจากการกรณีการชุมนุมของกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โดยใช้ชื่อการชุมนุมว่า “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้เตรียมพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 โดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นประกาศบนเวที แด่ดวงวิญญาณวีรชนประชาธิปไตยทุกท่าน ร่วมต่อสู้กับเรา
สืบเนื่องจากการกรณีการชุมนุมของกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โดยใช้ชื่อการชุมนุมว่า “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้เตรียมพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 โดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นประกาศบนเวที แด่ดวงวิญญาณวีรชนประชาธิปไตยทุกท่าน ร่วมต่อสู้กับเรา
จากนั้นได้มีตัวแทนเป็นเด็กนักเรียนชาย ชั้นมัธยมศึกษา อัญเชิญหมุดลงจากเวที และร่วมกับแกนนำเริ่มพิธีปักหมุดลงพื้นปูน โดยมีผู้แต่งตัวคล้ายพราหมณ์ ร่วมทำพิธีกรรม พร้อมให้กล่าวคำสาปแช่งพร้อมกัน ว่า หากใครถอนหมุดนี้ ขอให้พบแต่ความวิบัติฉิบหาย เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ต่อด้วยตัวแทนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย นายพริษฐ์ อ่านประกาศคณะราษฎร 2563 ฉบับที่ 1 ย้ำถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ล่าสุด ดร.อัครเดช สุภัคกุล อดีตผู้อำนวยการ และผู้ก่อตั้งโขนมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ในนามของโหราจารย์ชื่อดังอีกคน ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "โอ้ละหนอดวงดาวเอย...ตอน ให้ฤกษ์ผิดติดคุกทั้งคณะ ได้มีท่านผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ส่งดวงฤกษ์การวางหมุดของคณะแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 20 กันยายน 2563 ที่กลางท้องสนามหลวงมาให้ผมช่วยตีความ ซึ่งผมตีความดังนี้
กลุ่มผู้วางหมุดเข้าใจผิด คิดว่าการให้ฤกษ์เอาดาวอาทิตย์ 1 ไว้เรือนอริ ของดวงเมือง และดวงโลกจะทำให้กษัตริย์ และสถาบันตกต่ำ ทั้งนี้ผู้วางฤกษ์อ่านเอาจากดวงเมือง ที่อาทิตย์ 1 หมายถึงพระมหากษัตริย์ เป็นมหาอุจเข้มแข็งที่ราศีเมษแต่เดิม จึงแก้โดยการให้ดาวอาทิตย์ 1 ให้มาสถิตที่เรือนอริของดวงเมือง ในราศีกันย์ แต่เป็นการเข้าใจผิดมหันต์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ
เวลาผูกดวงวางฤกษ์นั้น อาทิตย์ 1 สถิตอยู่ราศีไหนก็เป็นลัคนาชะตาชีวิตของเจ้าของ หรือกลุ่มเจ้าของฤกษ์เอง อาทิ
ครั้งรัชกาลที่ 1 ทรงลงเสาหลักเมืองกรุงเทพได้ทรงวางฤกษ์ให้ดาวอาทิตย์๑ สถิตเป็นมหาอุจที่ราศีเมษ ทำให้พระชาตาของพระมหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรีทรงเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง
ส่วนการที่คณะแนวร่วมธรรมศาสตร์ ฯ วางฤกษ์เอาดาวอาทิตย์ 1 มาสถิตเรือนอริที่ราศีกันย์นั้น กลับกลายเป็นว่า เอาอาทิตย์ หรือลัคนาของตนเอง และคณะมาไว้ในเรือนอริเสียเอง คือตั้งใจวางฤกษ์ล้มล้างสถาบัน แต่กลับกลายมาเป็นล้มล้างตัวเอง และคณะไปเสียฉิบ! จำไว้นะเวลาผูกดวงวางฤกษ์ อาทิตย์ 1 หมายถึง ตนเอง และคณะเท่านั้น! ไม่เพียงเท่านั้นในดวงที่ผูกนี้ ราหู 8 เจ้าคดีความไปสถิตเป็นนิจในราศีพฤษภรออยู่แล้ว แต่ละคนมีหมายศาลรออยู่คนละ 17 - 18 คดี ชีวิตนี้แค่ต้องไปศาลตามหมายเรียกก็หมดเวลาชีวิตแล้ว เข้าตำราว่า “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นก็ถึงตัว” ทำกรรมอันใดไว้ จะต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน!"
ขณะเดียวกัน นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือซินแสเข่ง หมอดูเข็มทิศทองคำและผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้วิเคราะห์ดวงเหตุกลุ่มแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่ทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร2653 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 รวมทั้งมีการประกอบพิธีกรรมสาปแช่งที่ท้องสนามหลวงนั้น เสี่ยงต่อการทำให้แผ่นดินวิบัติ เกิดความหายนะตกกับประชาชนเนื่องจากการทำพิธีใช้ฤกษ์ยามตกดวงมรณะดิถีกาลกิณีปะทะเป็นอัปมงคลแผ่นดินในสถานโบราณที่เป็นการลบหลู่บรรพบุรุษของแผ่นดิน
โดยซินแสเข่งระบุว่า การถือฤกษ์ยามพิธีเป็นสิ่งสำคัญ แต่ฤกษ์ยามที่เป็นอัปมงคลทั้งดิถีเวลายามในการประกอบพิธีปักหมุดตกดวงมรณะจะทำให้เกิดเหตุอาเพศให้กับบ้านเมือง รวมทั้งผู้ดำเนินพิธีกรรมกระทำการที่ไม่ถูกต้องตามประเพณีถือว่าลบหลู่ เพราะการประกอบพิธีต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ในศาสตร์และขั้นตอน มีการขอขมาเจ้าที่เจ้าทางที่เฝ้าดูแลโบราณสถานสนามหลวง ผู้เป็นเจ้าพิธีต้องเป็นพราหมณ์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพราหมณ์หลวงหรือพราหมณ์ผู้มีบารมีในการประกอบพิธีในโบราณสถาน ตลอดจนเครื่องเซ่นไหว้ที่ถูกต้องในการประกอบพิธี มิฉะนั้นถือว่าเป็นการหมิ่นต่อสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้ผู้ทำพิธี และผู้ร่วมพิธีมีอันเป็นไป
"ถ้าใช้ฤกษ์ยามผิดก็เหมือนกินยาพิษเข้าไปไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่แทนที่จะสาปแช่งให้คนอื่นตายกลับตัวเองต้องมีอันเป็นไปตายก่อนคนอื่นที่ถูกสาปแช่ง การทำพิธีที่ไม่ถูกต้องใช้ฤกษ์ยามไม่ดี มันจะมีผลเข้าผู้ทำพิธีมากกว่าคนที่จะมีอันเป็นไป รวมทั้งทำในเทวสถานหรือโบราณสถานของแผ่นดิน ประชาชนในแผ่นดินจะรับกรรมที่เขากระทำกันอย่างไม่ถูกต้องในพิธี"
อย่างไรก็ตาม นายชนม์ทรรศน์ เผยว่าการชุมนุมประท้วง ถ้าหากชุมนุมกันอย่างปกติก็ไม่มีผลต่อเหตุที่จะเกิดขึ้น แต่หากใช้เป็นพิธีกรรมในการประกอบพิธีอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องให้รอบคอบทั้งคนเป็นเจ้าภาพ คนร่วมพิธีและประชาชนคนทั้งแผ่นดินที่จะต้องรับผล