นายกฯตู่ ลั่นย้อนถามควรหรือไม่ ม็อบสาดสีม.พัน4รอ. บอกให้รู้เลย ใช้กม.โดนคดีแน่

สืบเนื่องจากกรณีที่ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ระยอง พร้อมด้วย น.ส.ปรัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่งจัดกิจกรรม "ตามหานาย" ได้มาทวงถามความคืบหน้าจากผู้บังคับบัญชากรณีการลงโทษพลทหารนอกเครื่องแบบ 3 นายที่ได้ไปล็อกคอหนึ่งในประชาชนที่มาให้กำลังใจกลุ่มไอลอว์ และให้ลบภาพถ่ายป้ายบริเวณด้านหน้ากองพันทหารม้าที่ 4 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ฝั่งตรงข้ามรัฐสภา เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา

ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมสาดสีเข้ารั้วกองพันทหารม้าที่ 4 กองพล 1 รอ. (ม.พัน 4 พล.1 รอ.) จะดำเนินการอย่างไร และจะต้องให้กองทัพอธิบายสังคมต่อกรณีที่ผู้ชุมนุมอ้างว่ามีนายสั่งทหารไปล็อกคอประชาชนให้ลบคลิป ว่า แล้วสื่อว่าอย่างไร ทำได้หรือไม่ได้ ควรทำหรือไม่ควร ก็เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะว่ากันไป ทรัพย์สินราชการว่าอย่างไรไม่รู้ แต่บางครั้งประชาชนทุกคนก็ต้องช่วยกันดูแลด้วย ตนไม่อยากให้เป็นชนวนทางการเมือง และวันนี้ได้สั่งให้หน่วยงานต่างๆของรัฐระมัดระวังที่สุดในการที่จะปฏิบัติต่อประชาชนที่ประท้วง แต่ถ้ามันเกินเลยไปก็เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องไปว่ากัน ตนไม่ต้องไปสั่งอะไรทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมอ้างว่าทหารล็อกคอประชาชนนั้น ไม่มี 

เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลจึงยอมเปิดพื้นที่ให้กับผู้ชุมนุมในการเคลื่อนไหว ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวต่อเนื่อง ควรจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดได้หรือยัง เพราะบางประเด็นเข้าข่ายผิดกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า เปิดหรือไม่เปิดเขาก็เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่เขาต้องนึกถึงว่ากฎหมายจะตามมาที่หลังอย่างไรก็ว่ากันอีกที การเก็บหลักฐานอะไรต่างๆมีเวลาทั้งสิ้น ฉะนั้นวันนี้ไม่อยากให้เป็นประเด็น เดี๋ยวก็จะขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ ชักจูงคนไปร่วมด้วยมากขึ้นๆ โดยที่ไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริง 

“หลายๆอย่างเขาเพียงแค่อยากถ่ายรูปให้เห็นเขามีรูปเคลื่อนไหวที่โน่นที่นี่ แล้วเราก็ขยายให้เขาไปเยอะๆมันก็เป็นเงื่อนไขไปเรื่อยๆ ผมต้องการจะลดแรงกดดัน ลดความไม่สงบเรียบร้อยของสังคม ประชาชน ประเทศชาติ ได้มากที่สุด หลายเรื่องท่านทราบดี เรื่องกฎหมายเรื่องอะไรต่างๆเหล่านี้ และที่ผมกังวลอยู่คือรัฐพยายามจะประคับประคองตรงนี้ให้ได้ ซึ่งมีประชาชนไม่เห็นด้วยจำนวนมากพอสมควร โดยมีการไปร้องทุกข์กล่าวโทษ อันนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษได้ทั้งหมด ขอบคุณสื่อหลักๆที่เผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงให้คนได้เห็น อะไรที่ไม่ควรได้ยินและเป็นการยั่วยุก็ไม่ต้องเผยแพร่ตอกย้ำ ถ้ามันผิดอยู่แล้วไม่ถูกต้องก็อย่าไปขยายความ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมสภาสมัยหน้าว่า ต้องรอคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่วมรัฐสภา ศึกษา 30 วัน ตามที่การประชุมวาระแรกมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาดังกล่าว เมื่อมีความเห็นอย่างไรก็สรุปออกมา อันนี้จะเป็นการทำให้ทุกอย่างเกิดการพิจารณาร่วมกันของสองสภา  

“ฉะนั้นผมไปกำกับดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมสั่งไม่ได้ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาทุกคนได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างอิสระ เราก็ยึดมั่นในผลประโยชน์ชาติ ประชาชน มันก็มีหลายร่างด้วยกันซึ่งก็แล้วแต่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ก็ขอให้ทุกคนมองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักก็แล้วกันว่าอะไรมันได้หรือไม่ได้ สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ตรงนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นมา”นายกฯกล่าว