อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

นับเป็นเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์อีกครั้งในประเทศไทย ที่ม็อบคณะราษฎรได้ลุกฮือต่อต้าน หลังโค่นล้มรัฐบาล แต่ทว่าได้ลุกลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และเหตุการณ์ที่คนไทยหลายคนรับไม่ได้คือ เหล่าม็อบได้ร่วมชูสามนิ้ว พร้อมทั้งตะโกนใส่รถพระที่นั่งของพระราชินี ซึ่งล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

นับเป็นเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์อีกครั้งในประเทศไทย ที่ม็อบคณะราษฎรได้ลุกฮือต่อต้าน หลังโค่นล้มรัฐบาล แต่ทว่าได้ลุกลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และเหตุการณ์ที่คนไทยหลายคนรับไม่ได้คือ เหล่าม็อบได้ร่วมชูสามนิ้ว พร้อมทั้งตะโกนใส่รถพระที่นั่งของพระราชินี ซึ่งล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า 

"ฝ่ายตรงข้ามม็อบบอกว่า ม็อบกระทบความมั่นคง และมีการขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินี ทั้งยังมีการกล่าวคำหยาบคาย ด่าทอ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 การสลายการชุมนุม ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา ฝ่ายสนับสนุนม็อบบอกว่า ม็อบเพียงเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการรับไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สน้ำตา ไม่มีการขัดขวางขบวนเสด็จ และไม่ได้มีการทำอะไรที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด ม็อบไม่ได้ทำอะไรผิด ความผิดอยู่ที่ขบวนเสด็จเลือกใช้เส้นทางมาผ่านม็อบเอง หากเราพิจารณาจากหลักฐาน ข้อเท็จจริง พิจารณาด้วยใจเป็นธรรม โดยปราศจากอคติทั้งปวง เราก็จะบอกได้ว่า ฝ่ายใดพูดความจริง ฝ่ายใดพูดความเท็จ 


กล่าวถึงที่สุด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นผลจากเกมการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกลุ่มคน 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งได้อำนาจรัฐจากการทำรัฐประหารในสถานการณ์ที่ประเทศถึงทางตัน และได้สืบทอดอำนาจต่อ จากการตั้งพรรคการเมือง และจากการเลือกตั้ง และต้องการรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด ไม่ต้องการให้ฝ่ายที่ถูกรัฐประหารกลับมามีอำนาจอีก อีกฝ่ายหนึ่งต้องการได้อำนาจ จึงตั้งพรรคการเมือง และอาศัยความเชี่ยวชาญการใช้ social media ทำให้พรรคตัวเองได้ที่นั่งส.ส.จนเป็นพรรคใหญ่ จากการขายนโยบายที่โดนใจคนหนุ่มคนสาว และจากการโจมตีอีกฝ่ายว่า เป็นเผด็จการ และต้องการสืบทอดอำนาจ


หลังเลือกตั้ง ฝ่ายหลัง เป็นผู้พ่ายแพ้เกมการเมืองต่ออีกฝ่ายอย่างหวุดหวิด จึงทำให้ไม่ได้อำนาจอย่างที่ต้องการ แต่หวังว่าจะได้อำนาจจากการล้มอีกฝ่ายในสภา ด้วยอีกฝ่ายมีคะแนนเสียงปริ่มน้ำ อย่างไรก็ตาม นับวันคะแนนเสียงของฝ่ายที่อยู่ในอำนาจกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการแปรพักตร์ของส.ส.อีกฝ่าย และจากการได้ชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาทุกครั้ง การล้มฝ่ายที่อยู่ในอำนาจ โดยอาศัยสภาจึงเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้แกนนำของฝ่ายที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจ ยังพลาดท่าสะดุดขาตัวเอง ถูกเพิกถอนการเป็น ส.ส. และยังพลาดซ้ำสองจนพรรคตัวเองก็ต้องถูกยุบ ทำให้ตัวเองและแกนนำพรรคต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปด้วย


ด้วยเหตุนี้ การล้มฝ่ายที่อยู่ในอำนาจลงให้ได้จึงเป็นลำดับความสำคัญลำดับแรกที่ต้องทำให้ได้ แม้ว่าจะมีแนวโน้มว่าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ และเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ก็มึความเป็นไปได้ แต่ก็ดูเหมือนฝ่ายที่ต้องการอำนาจจะไม่สามารถทนรอต่อไปอีกได้ ด้วยเหตุนี้ วิธีเดียวที่จะล้มอีกฝ่ายให้ได้เร็วที่สุดคือการใช้มวลชนกดดัน แม้ว่าฝ่ายที่อยู่ในอำนาจจะยังไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างเด่นชัด แต่ด้วยการใช้ social media ป้อนข้อมูลว่าอีกฝ่ายคือเผด็จการ และเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งปวงของประเทศ หากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ประเทศจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

 

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

ด้วยความเชื่อว่า การล้มอีกฝ่ายเพื่อให้ตัวเองได้อำนาจ จะทำไม่ได้หากยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เชื่อว่า คอยค้ำจุนอยู่ จึงจำเป็นต้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างน้อยก็ต้องจำกัดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ลงให้เหลือน้อยที่สุด วิธีการคือการใช้ social media สร้างกระแสความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในกลุ่มคนหนุ่มคนสาว ที่เกิดและโตไม่ทันที่จะได้มีความใกล้ชิด และได้เห็นคุณูปการขององค์พระมหากษัตริย์พระองค์ก่อน และในขณะเดียวกันก็โจมตีฝ่ายที่อยู่ในอำนาจในทุกเรื่อง ตอกย้ำเสมอว่าเป็นเผด็จการ

 

เมื่อได้จังหวะ เมื่อปัญหาการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในประเทศเบาบางลงจนแทบไม่มีปัญหาแล้ว แม้ในต่างประเทศทั่วโลกยังคงหนักหนาสาหัส อยู่แต่ก็ไม่นำพา จึงดำเนินการสนับสนุนให้แนวร่วมก่อม็อบขึ้น เพื่อล้มอีกฝ่าย และล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เสียด้วยกันในคราวเดียว โดยอ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สง่างาม

 

 

ขณะนี้แม้จะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการจับกุมแกนนำหลายคน แต่การชุมนุมยังคงมีต่อไป และมีทีท่าว่าจะมีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่น่าห่วงอย่างยิ่งคือ ในขณะที่คนที่ยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เริ่มที่จะทนกันไม่ไหว การกระทำที่ย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์กลับยิ่งถี่ขึ้น มากขึ้น รุนแรงขึ้น  หากมวลชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งพลังเงียบที่เริ่มมีความเห็นใจสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น เกิดทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ ไม่กล้าคิดเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้น และผลสุดท้าย ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร"

 

 

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

 

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

 

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

 

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

อดีตรองอธิการบดีมธ. อ่านขาดม็อบเร่งป่วนหนัก บิดเบือนโจมตีสถาบันฯ เพราะการเมืองฝ่ายต้าน หวังชิงอำนาจรัฐ

Lazada จัดโปร จัดหนักลดทุกรายการ ลดสูงสุด 90%