อ.ชูชาติ ไม่อ้อมค้อม เห็นด้วย นิพิฏฐ์100 % ซัดรัฐหน่อมแน้ม ปล่อยม็อบบิดเบือน โจมตีสถาบันฯ

ถือเป็นสัญญาณต้องติดตามอย่างใกล้ชิด  จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมในการเรียกร้องให้ปรับปรุง เปลี่ยนโครงสร้างสถาบันกษัตริย์  ผ่านการโจมตีด้วยคำหยาบคาย  บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมทางการเมืองให้บรรลุผลสำเร็จ  ขณะที่ภาครัฐไม่อาจปฏิบัติการทางยุทธวิธีได้ทั้งหมด เนื่องเพราะอยู่ในสภาวะเป็นรองการต่อสู้ผ่านโลกโซเชียล  ซึ่งมีอิทธิพลสูงในการทำให้การบังคับใช้กฎหมายกลายเป็นความล้าหลัง และไม่ชอบธรรม ในกลุ่มมวลชนที่รับรู้ข่าวสารผ่านแหล่งข้อมูลด้านเดียว   กระทั่ง พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ  ต้องแสดงความเห็นตรงไปตรงมา  ว่า อาจมีความจำเป็นต้องดำเนินการ แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แทนรอขั้นตอนจากภาครัฐ

 

  
( คลิกอ่านข่าวประกอบ :  "หมอเหรียญทอง" ฟันธง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเมื่อใด สถาบันฯสุ่มเสี่ยง ซัดพวกโลกสวย ถามใครจะปกป้องกษัตริย์?? ) 

ล่าสุด   อ.ชูชาติ ศรีแสง  อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ศาลยุติธรรม     ได้โพสต์แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า   ".....ผมไม่เคยรู้จักนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นส่วนตัว แต่วันนี้ต้องสนับสนุนความคิดเห็นของนายนิพิฏฐ์ 100 % ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อดังนี้

.....หยุดทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
.....ผมหงุดหงิดกับคำพูดที่ว่า "ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์"  ผมมิใช่คนจารีตนิยมหรือขวาจัดที่ไม่ยอมรับฟังอะไรที่มีเหตุ-มีผล 
.....ผมก็เชื่อว่าสถาบันก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย "สถาบันเป็นของเรา" เราก็"เป็นของสถาบัน" แต่การที่พูดแบบสวยหรูว่าจะปฏิรูปสถาบันแล้วให้เด็กเมื่อวานซืนขึ้นเวทีคว้าไมค์ไปพูดเรื่องนี้ ในที่สาธารณะแล้วถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ มันคือการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ มิใช่การปฏิรูปตามที่พวกคุณพูด

 

.....รัฐบาลก็หน่อมแน้ม รัฐมนตรีก็ปัญญาอ่อน พวกคุณทำอะไรเพื่อปกป้องสถาบันบ้าง นอกจากทำหล่อไปวันๆ ว่า รักและปกป้องสถาบัน คุณพ่นน้ำลายไปวันๆ แต่คุณไม่ได้กระทำอะไรเลย คุณขี้ขลาดกันต่างหาก คุณปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะจงรักภักดี 
.....ผมถามจริงๆ คุณทำอะไรที่เป็นการแสดงความจงรักภักดีบ้าง พอคุณเห็นมวลชนมาจำนวนมากพวกคุณก็หัวหดกลัวเสียคะแนน ผมแนะนำให้พวกคุณเอาผ้าขาวไปกราบม็อบดีกว่า
.....เด็กๆ ทั้งหลาย พวกหนูพูดมาเยอะแล้ว พอแล้ว นั่งลงคุยกัน คิดด้วยสติปัญญาของปัญญาชนที่จะร่วมมือกันปฏิรูปสถาบันจริงๆ พฤติการณ์ที่พวกหนูทำนั้นมันเกินไปแล้ว เมื่อหนูอ้างความเป็นประชาธิปไตยหนูก็ต้องหัดฟังความเห็นต่างจากคนที่เขาเจ็บปวดจากคำพูดของพวกหนูด้วย
.....สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีโฆษกส่วนพระองค์ที่จะออกมาชี้แจง สถาบันพระมหากษัตริย์จึงอยู่ในสถานะที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ พสกนิกรจึงต้องออกมาปกป้อง