ปิยบุตร ไม่หยุดง่าย ๆ จุดไฟขัดแย้งรื้อสถาบันฯ ต้องไม่มีข้อยกเว้นให้..จำเป็นต้องเปิดเวทีถกปฏิรูปฯ

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โหมไม่หยุดปลุกกระแสมวลชน กดดันเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันกษัตริย์ โจมตีหนักอย่าสร้างขอยกเว้น ให้เสมือนเป็นพระเจ้าที่อวตารลงมาบนแผ่นดิน

กลายเป็นเป้าหมายทางการเมืองสำคัญของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้่งในส่วนของแกนนำกลุ่มปลดแอก  และ คณะก้าวหน้า  ต่อการเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์  แต่โดยสาระสำคัญเท่ากับเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันเบื้องสูงในหลายมิติ  โดยเฉพาะการก้าวล่วงพระราชอำนาจ  โดยใช้วิถีประชาธิปไตยแบบชาติตะวันตกมาเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ ต่อการทำให้ระบอบการปกครองประเทศเปลี่ยนไปในทิศทางที่มีการนำเสนอมาก่อนหน้า โดยเฉพาะการ"การโค่นล้มสถาบันฯ เพื่อเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ"

 

ปิยบุตร ไม่หยุดง่าย ๆ จุดไฟขัดแย้งรื้อสถาบันฯ ต้องไม่มีข้อยกเว้นให้..จำเป็นต้องเปิดเวทีถกปฏิรูปฯ


( คลิกอ่านข่าวประกอบ :   พุทธะอิสระ เหลืออด ปิยบุตร มั่นใจมาก ดันสุดลิ่มเปิดเวที กมธ.วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ )

ล่าสุด  นายปิยบุตร  แสงกนกกุล   เลขาธิการคณะก้าวหน้า   ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง  โดยพยายามหาเหตุอธิบายว่า   ทำไมต้องพูดคุยเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์?  หลังจากมีกระแสคัดค้านอย่างรุนแรง  ด้วยเห็นว่าเป็นเพียงเปิดช่องทางให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์  โดยไม่ผิดกฎหมายอาญามาตรา 112    โดยมีใจความบางช่วงตอน ระบุถึงอำนาจ และเอกสิทธิ์ของประมุขแห่งรัฐ  ที่จะต้องไม่มากจนเกินไป  


โดยนายปิยบุตร  ใช้ถ้อยคำว่า   "มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่มากจนเกินไป
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ให้กับทุกเรื่องทุกกรณี จนทุกคนในสังคมต้องยอมให้หมดหรือได้แต่รำพึงว่า “เอาน่า ยกให้คนหนึ่ง”
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่บังคับให้คนทุกคนต้องห้ามพูด ห้ามตั้งข้อสังเกตใดๆถึง “ข้อยกเว้น” เหล่านั้น
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่สร้างให้ตำแหน่งกษัตริย์เสมือนเป็นพระเจ้าที่อวตารลงมาบนแผ่นดิน
และต้องมิใช่ “ข้อยกเว้น” ที่เว้นให้หมดจนกระทบต่อสาระสำคัญของประชาธิปไตย"
พร้อมอ้างว่าประเด็นข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของประชาชน  มาจากการที่ประเทศไทย  สร้าง “ข้อยกเว้น” ให้กับสถาบัน...จนเกินไปใช่หรือไม่? 

 

ปิยบุตร ไม่หยุดง่าย ๆ จุดไฟขัดแย้งรื้อสถาบันฯ ต้องไม่มีข้อยกเว้นให้..จำเป็นต้องเปิดเวทีถกปฏิรูปฯ

"ผมเชื่อมั่นว่า คนไทยจำนวนมากต่างก็เคยตั้งข้อสังเกต สงสัย มีคำถาม และอาจไม่เห็นด้วยกับ “ข้อยกเว้น” จำนวนมากที่มีให้กับสถาบันกษัตริย์ หลายคนอาจเป็นคนที่ใส่เสื้อเหลืองออกมาด่านักเรียน นักศึกษาในวันนี้ด้วยซ้ำ หลายคนอาจเป็นคนที่พูดว่าจงรักภักดีกับสถาบันกษัตริย์วันละสามเวลาด้วยซ้ำ ... ไม่ว่าจะใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ กล่อมเกลา อบรม ชี้แจง สั่งสอน บังคับ ขู่ ลงโทษ จับกุมคุมขัง ก็ไม่มีทางที่ทำให้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลง ความเห็นที่เขามีต่อสถาบันกษัตริย์ไปได้"


ในช่วงท้ายนายปิยบุตร  ระบุว่า  มีความจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้มีการสร้างข้อยกเว้นให้สถาบันฯ มากล้นเกินไปอย่างนั้นหรือ?   ในขณะที่ผู้อาวุโสอนุรักษ์นิยมก็ทยอยล้มหายตายจากไปตามกาลเวลาเราจะปล่อยให้สังคมไทยเป็นแบบนี้หรือ? .... มิใช่ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีคนอื่นว่า “ล้มเจ้า-ชังชาติ”

 

ปิยบุตร ไม่หยุดง่าย ๆ จุดไฟขัดแย้งรื้อสถาบันฯ ต้องไม่มีข้อยกเว้นให้..จำเป็นต้องเปิดเวทีถกปฏิรูปฯ

 

"เผด็จการอำนาจนิยมไม่มีทางรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดตลอดสายได้ในยุคสมัยนี้ การห้าม การบังคับ การปราบปรามด้วยกลไกทางกฎหมายหรือด้วยกำลัง การจัดมวลชนออกมาประจันหน้ากัน ไม่อาจปกป้องสถาบันกษัตริย์ได้ วิธีการเหล่านี้ มีแต่จะนำพาไปสู่สภาวะที่คาดไม่ถึง ควรสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เริ่มต้นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์  .... เพื่อรักษาประชาธิปไตย รักษาประชาชน รักษาประเทศไทย และเพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์ด้วย"

 

ปิยบุตร ไม่หยุดง่าย ๆ จุดไฟขัดแย้งรื้อสถาบันฯ ต้องไม่มีข้อยกเว้นให้..จำเป็นต้องเปิดเวทีถกปฏิรูปฯ