อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน

สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ที่เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้ชัดจากวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหากย้อนกลับไปพิจารณาสาเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากเป้าหมายและวิธีการปฏิบัติที่กลุ่มแกนนำม็อบปลดแอก ปลุกระดมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าว่า ต้องปิดล้อมรัฐสภา...ต้องนำสถาบัน...มาอยู่ใต้รธน.??? และก็ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีการปลุกระดมในลักษณะดังกล่าว แต่มีการดำเนินการอย่างไม่หยุดยั้ง ในลักษณะท้าทายความรู้สึกคนไทยจำนวนมากมายที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงเหล่าผู้ชุมนุม

 

อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน

สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ที่เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้ชัดจากวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหากย้อนกลับไปพิจารณาสาเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากเป้าหมายและวิธีการปฏิบัติที่กลุ่มแกนนำม็อบปลดแอก ปลุกระดมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าว่า  ต้องปิดล้อมรัฐสภา...ต้องนำสถาบัน...มาอยู่ใต้รธน.??? และก็ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีการปลุกระดมในลักษณะดังกล่าว แต่มีการดำเนินการอย่างไม่หยุดยั้ง  ในลักษณะท้าทายความรู้สึกคนไทยจำนวนมากมายที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงเหล่าผู้ชุมนุม

 

อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน


อ่านข่าว - เปิดคำยุยงแกนนำ ก่อนนาทีปะทะเดือด พูดยากขอพลังเงียบ..รักสถาบันฯอยู่เฉยๆ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณนีดังกล่าวว่า "ได้อ่านบทความใน time.com ซึ่งเป็น Time Magazine ฉบับออนไลน์ ลงในวันที่ 19 สิงหาคม 2563 บทความดังกล่าวมีชื่อว่า "Why are Thai Protesters Risking up to 15 Years in Prison to Criticize the Monarchy?" แปลเป็นไทยได้ว่า "เพราะอะไร คนไทยที่ออกมาประท้วง จึงยอมเสี่ยงการถูกจำคุกสูงสุด 15 ปี เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ สถาบันพระมหากษัตริย์"

 

บทความชิ้นนี้พยายามอธิบายตามหัวข้อที่ตั้งคำถามไว้ สรุปความได้ว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ผู้ชุมนุมประท้วงต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และระบุว่าพระมหากษัตริย์ทรงให้การรับรองรัฐบาลที่มาจากทหาร ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ต้องบอกว่า บทความชิ้นนี้เป็นบทความที่ให้ข้อมูลด้านที่เป็นลบต่อองค์พระมหากษัตริย์ แต่เพียงด้านเดียว ทั้งบุคคลที่ไปสัมภาษณ์ก็ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น เช่น รุ้ง ปนัสยา พริษฐ์ เพนกวิ้น ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ อานนท์ นำภา ไม่ได้สัมภาษณ์ฝ่ายที่เห็นต่างเลยแม้แต่คนเดียว 


ที่น่าตำหนิมากที่สุดคือการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งเป็นไปอย่างที่ฝ่ายผู้ชุมต้องการ เช่นที่อยู่ในข้อความด้านล่าง "Since 1932 Thailand has experienced a dozen successful coups with the palace formally approving each takeover. Last year Vajiralongkorn endorsed junta leader turned prime minister prayut Chan-ocha’s cabinet." 


ถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า "ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 ประเทศไทยมีการรัฐประหารที่ทำได้สำเร็จ 12 ครั้ง โดยในวังให้การรับรองอย่างเป็นทางการทุกครั้ง ปีที่แล้ว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ ก็ให้การรับรอง คณะรัฐมนตรีของประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำการยึดอำนาจการปกครองที่กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี" ข้อมูลที่อยู่ในข้อความนี้ เป็นข้อมูลที่อย่างน้อยเรียกได้ว่า บิดเบือน หรืออย่างมากจะเรียกว่าเป็นข้อมูลเท็จ ก็ไม่ผิด 

 

อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน

การที่บอกว่าตั้งแต่ปี 1937 ประเทศไทยมีการทำรัฐประหารที่สำเร็จ 12 ครั้ง ทุกครั้งในวังให้การรับรองนั้น หากจะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนต้องบอกด้วยว่า การทำรัฐประหารทั้ง 12 ครั้งนั้น เป็นการกระทำของคนในคณะราษฎรที่ฝ่ายผู้ชุมนุมถือเป็นแบบอย่างเสีย 4 ครั้ง หากรวมการยึดอำนาจการปกครอง 2475 ด้วยก็จะเป็น 5 ครั้ง และหากรวมการทำรัฐประหารที่ไม่สำเร็จด้วยก็จะมากกว่านั้น


การที่บอกว่าในวังให้การรับรองการทำรัฐประหารอย่างเป็นทางการทุกครั้ง นี่เป็นการใช้วาทกรรมของ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล และของม็อบราษฎร 
ความจริงจะเรียกว่าให้การรับรองก็คงไม่ตรงเสียทีเดียว เพราะทุกครั้งที่มีการทำรัฐประหารสำเร็จ ต้องถือว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารได้อำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ และก็จะต้องทูลเกล้าถวายเอกสารคำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราว เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย 


จะเรียกว่าเป็นการให้การรับรองหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พระมหากษัตริย์ทรงมีทางเลือกอื่นหรือ หากไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วอะไรจะเกิดขึ้นตามมา คิดกันบ้างหรือไม่


ข้อมูลอีกส่วนที่กล่าวว่า ปีที่แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การรับรอง คณะรัฐมนตรีของประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะที่ยึดอำนาจการปกครอง ที่กลายเป็นนายกรัฐมนตรี


ข้อมูลข้างต้น จะเรียกว่าเป็นข้อมูลเท็จที่ทำให้ผู้อ่านที่ไม่รู้ความเข้าใจผิดก็ได้ เพราะจงใจไม่ระบุว่า รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เข้าสู่อำนาจเมื่อปีที่แล้ว เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตย แม้จะอ้างว่ามาโดยกติกาที่ไม่เป็นธรรมก็ตาม 
นอกจาก Time แล้ว บทความในทำนองนี้ปรากฏอยู่ในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ต่างชาติอื่นๆ เช่น The Economist, New York Times, หรือแม้แต่ Washington Post ซึ่งล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น


เป็นไปไม่ได้แน่ ที่สื่อเหล่านี้จะพร้อมใจกันลงข่าว หรือบทความ เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยในทิศทางเดียวกันโดยบังเอิญ โดยไม่มีการวางแผน และขับเคลื่อนจากผู้ที่มีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือสื่อดังกล่าว คนหรือกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นใคร มาจากองค์กรไหน ประเทศไหน เราคงจะไม่สามารถบอกได้ 100% แต่แน่ใจได้เลยว่า ปรากฏการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ 


แน่นอนว่าความคุกรุ่นในความคิดของประชาชนบางกลุ่มมีอยู่แน่ แต่หากไม่มีใครไปจุด หรือกระตุ้น วางแผน และขับเคลื่อน และสนับสนุนด้วยทรัพยากรต่างๆ ม็อบในลักษณะนี้คงไม่เกิดขึ้น หรือหากเกิดขึ้น ป่านนี้ก็ต้องยอมเข้าสู่โหมดการเจรจาแล้ว ไม่ใช่ยังคงดึงดัน จะ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ให้ได้อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้แน่"

 

อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน


อ่านโพสต์ต้นฉบับ

อดีตรองอธิการบดีฯมธ. ลั่นบังเอิญเกินไป... สื่อตปท.พร้อมใจ เปิดพื้นที่แกนนำม็อบ ล้มเจ้า โผล่บิดเบือน

>> Lazada ช้อปดีลเด็ดลดต่อเนื่องจาก 11.11 แจกส่วนลด 150฿ คลิกเลย <<