- 24 พ.ย. 2563
กลายเป็นวิธีการที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ กับท่าทีของกลุ่มมวลชนที่เริ่มต้นจากกลุ่มเยาวชนปลดแอก เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ท้ายสุดเป็นอย่างที่หลายคนคาดหมายว่า หนีไม่พ้นการปลุกระดมให้ทุกอย่างเดินไปตามแนวทางเดียวกับกลุ่มและพรรคการเมืองที่นิยมการปกครองแบบตะวันตก ล่าสุด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ส.ส.สงขลา เปิดแถลงข่าวประเด็นทางการเมือง สืบเนื่องมาจากการที่กลุ่มแกนนำม็อบคณะราษฎร มีการเคลื่อนไหวอย่างหนักเพื่อเป้าหมายคุกคาม โจมตีสถาบันเบื้องสูง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบกษัตริย์ แม้จะมีการใช้คำอ้างว่าเป็นการปฏิรูป ไม่ใช่การโค่นล้มก็ตาม
กลายเป็นวิธีการที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ กับท่าทีของกลุ่มมวลชนที่เริ่มต้นจากกลุ่มเยาวชนปลดแอก เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ท้ายสุดเป็นอย่างที่หลายคนคาดหมายว่า หนีไม่พ้นการปลุกระดมให้ทุกอย่างเดินไปตามแนวทางเดียวกับกลุ่มและพรรคการเมืองที่นิยมการปกครองแบบตะวันตก ล่าสุด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ส.ส.สงขลา เปิดแถลงข่าวประเด็นทางการเมือง สืบเนื่องมาจากการที่กลุ่มแกนนำม็อบคณะราษฎร มีการเคลื่อนไหวอย่างหนักเพื่อเป้าหมายคุกคาม โจมตีสถาบันเบื้องสูง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบกษัตริย์ แม้จะมีการใช้คำอ้างว่าเป็นการปฏิรูป ไม่ใช่การโค่นล้มก็ตาม
ทั้งนี้ นายถาวร กล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็นต้องแสดงความเห็น รวมถึงประกาศจุดยืนต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เพราะในฐานะคนไทยคนหนึ่ง นานวันเข้ายิ่งไม่อาจยอมรับได้กับพฤติกรรมของกลุ่มบุคคล ที่ใช้สารพัดวิธีการโจมตีสถาบันฯ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการชุมนุม จนชัดเจนว่าสิ่งที่กลุ่มเคลื่อนไหวกำลังทุกวิถีทาง คือการเปลี่ยนแปลงสถาบันฯแล้วสถาปนากลุ่มพวกตัวเอง เข้าสู่ฐานอำนาจการปกครองประเทศ
"เหตุผลหลัก ๆ เลยที่ต้องออกมาแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ที่มีต่อพวกเราคนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 800 ปี โดยทุกพระองค์ต่างเสียสละนำพาชาติไทยให้ พ้นภัยทั้งการรุกรานจากชาติตะวันตกผ่านลัทธิล่าอาณานิคม ตลอดจนภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ จนทำให้ชาติไทยยังคงเอกราชมาถึงปัจจุบัน ไม่เท่านั้นด้วยการที่เป็นผู้แทนราษฎร เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งต้องชัดเจนต่อทำหน้าที่ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเชื่อว่าคนไทยกว่าร้อยละ 90 ต้องคิดเหมือนกับผม และมีเพียงคนส่วนน้อยและผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังม็อบเท่านั้นที่มีความคิดแตกต่าง"
ขณะเดียวกันในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายถาวร ได้มีการเปิดคลิปวิดีโอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในโอกาสไปกล่าวบรรยายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? แสดงใจความสำคัญตอนหนึ่ง มีการกล่าวหา ใส่ร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษา ทั้ง ๆ ที่นายปิยบุตรย่อมรู้แก่ใจ ข้อมูลดังกล่าวมีความบิดเบือน เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย.2549 นั้น ในหลวง รัชกาลที่ 9 ไม่ได้รับสั่งอะไรที่ไม่มีหลักมีเกณฑ์ต่อศาล และประการสำคัญพระองค์ ไม่เคยใช้พระราชอำนาจ ตามใจชอบนอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงทรงย้ำว่าไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ ในเรื่องอื่นใดตามที่นายปิยบุตรบิดเบือน
นอกจากนี้ นายถาวร ยังได้มีการพูดถึงประเด็นการกล่าวร้ายต่อสถาบันฯ ของนายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ว่าด้วยทฤษฎีสมคบคิด ตามคำพูดของนายธนาธรที่ปรากฎอยู่ในหนังสือ "Portrait ธนาธร" ซึ่งมีการถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ระบุข้อความตอนหนึ่ง ปรากฎอยู่ในหน้า 277 ว่า “...วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) ×××× นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้...”
ไม่เท่านั้น นายธนาธรยังได้ไปพูดในงานวิชาการหลายแห่ง แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ด้วยเจตนาให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตาม เพื่อสื่อความไปถึงมวลชนว่าถึงเวลาต้องฏิรูปสถาบันฯ อาทิ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2562 นายธนาธร ไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า มี 2 ทางเลือกในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด พร้อมมีการชูป้ายมิบังควร ประกอบบรรยากาศการเสวนาวิชาการ
ส่วน นายปิยบุตร ก็มีการโพสต์ข้อความหลายต่อหลายครั้งพาดพิงสถาบันกษัตริย์ของไทยในเชิงลบ หรือ แม้แต่มีการหยิบยกสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศมาเปรียบเทียบ ทั้งอ้างอิงการปฏิวัติฝรั่งเศส กับการเปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะช่วงหลังที่พรรคอนาคตใหม่ถูกวินิจฉัยว่ากระทำผิดถูกยุบพรรค ดูเหมือนว่าทั้่งนายธนาธรและนายปิยบุตร ยิ่งโหมกระแสเกลียดชัง ผ่านการให้ข้อมูลบิดเบือน มากขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงยุคของแกนนำม็อบ ที่มีการใช้สื่อโซเซียลสร้างวาทกรรม ทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech)
ซึ่งแม้กลุ่มคนเหล่านี้จะอ้างว่าการปฏิรูปสถาบันฯ ไม่ใช่การล้มล้าง แต่พฤติกรรมต่างๆแสดงออกมากลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม อาทิ การมุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ การโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้าง รวมถึงมีการยกระดับการชุมนุมประท้วงไปเป็นการก่อจลาจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามประชาชน เช่น การเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ เป็นต้น
"ในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) ผู้ชุมนุมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อม เพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่มบุกเข้าโจมตีทั้ง 4 ด้าน ซึ่งผู้ก่อการเตรียมยกระดับสถานการณ์ให้ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธศาสตร์สงครามประชาชน ผมจึงมีความเป็นห่วงหลายประเด็น และฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชทาน จึงห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร พร้อมฝากไปยังการ์ดผู้ชุมนุม ขอให้ดูแลการชุมนุมโดยยึดหลักสงบ สันติอาหิงสา ปราศจากอาวุธ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ยั่วยุ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเหมาะสม ก่อนที่สภาวะความขัดแย้งต่าง ๆ จะนำไปสู่จุดแตกหักในรูปของสงครามกลางเมือง"
ช้อปปิ้งออนไลน์ ลาซาด้า ดีลดี ส่งฟรีทุกวัน ลดต่อเนื่องจาก11.11 >> กดช้อปเลย <<