- 25 พ.ย. 2563
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขู่เอาแจ้งคดีเอาผิดม็อบคอยแกล้ง ขัดขวาง หาเสียงเลือกตั้งอบจ. อ้างมีหลักฐานเป็นพวกกลั่นแกล้ง
ถ้าย้อนความกลับไปได้ นับครั้งไม่ถ้วนที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่ออกมาสร้างความไม่สงบให้บ้านเมือ และวันนี้มีเป้าหมายชัดเจนว่ามีทิศทาง นำการเคลื่อนไหว ไปสู่การโค่นล้ม เปลี่ยนแปลง โครงสร้างสถาบันเบื้องสูง เพียงแต่นำวาทกรรมที่เรียกว่า การปฏิรูปมาเป็นข้ออ้าง โดยเฉพาะกรณีเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมาย แล้วโจมตีกลับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขณะที่กลุ่มแกนนำม็อบเอง ก็มีการทำให้ประเด็นการบังคับใช้กฎหมายของไทย กลายเป็นเรื่องการถูกคุกคาม ผ่านองค์กรสิทธิมนุษยชน ตลอดจนสื่อต่างชาติ
ขณะที่กรณีการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ในหลายจังหวัดแล้วถูกชาวบ้านต่อต้าน ขับไล่ นายธนาธร ยืนยันทุกครั้งว่าไม่หวั่นไหวในภารกิจ แม้กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ยังระบุชัดเจนว่า การที่มวลชนบางกลุ่มออกมาต่อต้าน การลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ว่าไม่ได้เป็นปัญหา เนื่องเพราะมีทั้งกลุ่มบุคคลให้กำลังใจ และ กลุ่มคนที่คิดเห็นต่าง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนมาสนับสนุนเราทั้งหมด เพียงแต่กลุ่มที่เห็นต่างจะมีอยู่ 2 แบบ คือ มีลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งกลุ่มนี้ตนจะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจตลอดว่า พวกเราไม่ได้เข้ามาเพื่อล้มล้างสถาบัน เราไม่ได้ชังชาติ เราทำตรงนี้ด้วยความหวังดี ประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างแล้วแต่กรณีไป
กับผู้เห็นต่างแบบไม่ธรรมชาติ หรือ กลุ่มพยายามสร้างเป็นเรื่องการเมืองระดับชาติ พยายามที่จะสร้างทฤษฎีสมคบคิด ว่า นายธนาธร , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ร่วมกับอเมริกา ร่วมมือกับจอร์จ โซรอส ไปอยู่ข้างหลังนักศึกษา วางแผนจะล้มล้างสถาบัน คือมันต้องมีแพะ มันต้องมีปีศาจตัวหนึ่งเพื่อให้เขาจัดการได้ เพราะเขาเอานักเรียน นักศึกษาเป็นปีศาจไม่ได้ ก็เลยต้องเอาตน เอานายปิยบุตรมาเป็นปีศาจ ดังนั้นในทางหนึ่งมันเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติ ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนก็น่าจะเห็นความพยายามที่จะเห็นสังคมที่ปั่นป่วน เห็นสังคมที่แตกแยกเพื่อที่จะนำไปสู่ความชอบธรรมของการแทรกแซงการเมืองโดยอำนาจที่มาจากประชาชน
"กรณีที่เป็นปัญหาจริงๆ คือมีลักษณะคุกคามจริง ตั้งใจมาคุกคามให้เราหยุดเดิน ไม่ต้องการให้เราพบประชาชน มีการเดินตามแล้วตะโกน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายดูแล้วเกิดความปั่นป่วนไม่สงบสุข เป็นการคุกคามชัดเจน คุกคามสิทธิเสรีภาพของเราในการเดินทาง คุกคามสิทธิเสรีภาพของเราในการรณรงค์เลือกตั้ ง ถ้ามายืนชูป้ายเฉยๆ ตนไม่ติดใจ เราเรียกร้องให้ฝ่ายหนึ่งเปิดใจให้กว้างสำหรับข้อเสนอที่อาจจะทำร้ายจิตใจเขา เราเองก็ต้องรับฟังเขาเหมือนกัน ดังนั้นใครจะมายืนชูป้ายด้วยความสงบไม่ระรานไม่คุกคามกัน ตนคิดว่าเป็นสิทธิ และก็ให้ไปเดินรณรงค์เลยว่าไม่ให้เลือกคณะก้าวหน้า ต่างคนต่างรณรงค์ ไม่ต้องมาคุกคาม ไม่ต้องมาระรานกัน"
อย่างไรก็ตาม นายธนาธร ระบุว่า ต่อจากนี้กลุ่มที่มีปัญหา ตั้งแต่สัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินคดี เพื่อปกป้องสิทธิในการรณรงค์การเลือกตั้ง พร้อมย้ำว่ามีเรคคอร์ดชัดเจน หลายกลุ่มแทบจะทั้งหมดเรารู้ว่าใครเป็นใคร ยกตัวอย่างล่าสุด เมื่อ 2 วันที่แล้วกลับจากระยอง กลุ่มคนที่เข้ามาเป็นเลขาของบ้านใหญ่ ของคู่แข่งของเรา มากัน 3-4 คน แล้วก็มาตะโกน แต่คนที่มายืนกำกับคือเลขาของคู่แข่งของเรา ดังนั้นเราก็เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่ได้กังวล แน่นอนศักยภาพในการพบปะประชาชนอาจจะเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราท้อถอย
“การดำเนินการทางกฎหมายไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดกันจริงๆ แต่ในใจจริงไม่คิดอยากจะดำเนินคดีกับใคร เพียงแต่จะปรามไม่ให้คนอื่นมาทำตาม ถ้าอยากจะยืนก็ควรจะใช้โอกาสนั้นพูดกับสังคมมากกว่าว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับพวกเราก็รณรงค์อย่างสันติ ยืนแสดงออกอย่างสันติ โดยจะร้องเรียนทั้งต่อ กกต. ส่วนไหนที่มีลักษณะคุกคามชัดเจนซึ่งหน้าอาจจะไปที่สถานีตำรวจเลย โดยเบื้องต้นดูไว้ประมาณ 4 จังหวัดที่มีหลักฐานชัดเจน”
เมื่อถามว่า กิจกรรมที่คิดว่าเราโดนคุกคาม กกต.ได้เข้ามาดูแลหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ไม่มีการเข้ามาดูแล และไม่มีท่าทีอะไร อย่างไรก็ตาม เคสที่ไม่ได้เข้ามาป่วนให้เราทำงานไม่ได้ เราก็ไม่ว่ากัน ไม่ถือสา ก็พยายามจะทำให้น้อยที่สุด แต่เป็นการทำในลักษณะเพื่อป้องกันตัวเองมากกว่า ไม่ให้ถูกระรานต่อไป เพราะเวลามันเหลือน้อยแล้ว ทุกวันของตนนั้นมันมีค่า
>> Lazada ช้อปดีลเด็ดลดต่อเนื่องจาก 11.11 แจกส่วนลด 150฿ คลิกเลย <<