- 30 พ.ย. 2563
ช่อ พรรณิการ์ วานิช ฮึ่ม เตรียมฟ้องดะ พวกขัดขวางหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น กลุ่มกล่าวหาธนาธร ล้มสถาบันฯ โดนด้วย
วันนี้ (30/11/2563) ที่ สำนักงานคณะก้าวหน้า อาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดีกับผู้ขัดขวางการหาเสียง เลือกตั้งท้องถิ่น กรณีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แจ้งความ/ร้อง กกต. ผู้มีพฤติการณ์ข่มขู่ คุกคาม แสดงท่าทียั่วยุในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยกล่าวว่า ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ จนถึงการดำเนินการในนามของคณะก้าวหน้า ขอยืนยันว่าประชาธิปไตยจะเบ่งบานได้ต้องยอมรับความเห็นต่าง ฉะนั้นคณะฯ น้อมรับคำติชมเสมอ และพยายามสื่อสารว่าการแลกเปลี่ยนความเห็นต่างอย่างมีอารยะ จะช่วยยุติความขัดแย้งและทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ จนถึงตอนนี้ปรากฏความพยายามยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับคณะฯและสมาชิก ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารเท็จ
พฤติการณ์เหล่านี้ชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งท้องถิ่น โดยพบความพยายามขัดขวางด้วยถ้อยคำผรุสวาทต่อตน รวมถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไม่เว้นกระทั่งผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะฯ 42 จังหวัด ระหว่างการหาเสียง
ทางคณะฯ จึงตัดสินใจดำเนินการทางกฏหมาย และจะเป็นไปอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นต่อบุคคลอื่น โดยจะฟ้องร้องเฉพาะกรณีที่มีการขัดขวางเสรีภาพในการเดินทางหาเสียงอย่างรุนแรงเท่านั้น แบ่งเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และกรณีการหมิ่นประมาทนายธนาธร ในประเด็นแรก พบว่า มีผู้ได้ทำการคอมเม้นในเฟสบุ๊กไลฟ์เสนอร่วมลงขัน หมายเจตนาทำร้ายร่างกายหรือถึงขั้นเอาชีวิต เบื้องต้น สืบทราบว่าเป็นข้าราชท้องถิ่นสังกัดอบจ.นครศรีธรรมราชมาก่อน ถัดนั้นทำการย้ายมาประจำ อบจ.นราธิวาส ซึ่งประเด็นนี้จะทำการร้องเรียนต่อหน่วยงานต้นสังกัดและฟ้องทางข้อกฏหมายว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่นต่อ กตต. ด้วย
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปั่นป่วนขัดขวางการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด เริ่มจากวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่นครศรีธรรมราช 2563 ที่โรงแรมราวดี จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกลุ่มบุคคลจำนวนมาก ร่วมกันปิดล้อมทางเข้าออกของโรงแรมและเรียกชื่อนายธนาธร ตลอดเวลา ทั้งยังปิดกั้นรถยนต์ทุกคัน กรณีดังกล่าวนอกจากจะเป็นการขัดขวางเสรีภาพการหาเสียงของนายธนาธร ยังทำให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหวาดกลัวเป็นจำนวนมาก และยังกระทบต่อชื่อเสียงชาวนครศรีธรรมราชต้องแปดเปื้อนโดยที่เกิดจากการกระทำของคนเพียงกลุ่มเดียว โดยจะร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบว่ากลุ่มดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมื่องหรือไม่
กรณีถัดมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน เหตุเกิดบริเวณโรงพยาบาลบางพลี มีกลุ่มชายฉกรรจ์ผมสั้นเกรียน รูปร่างกำยำ เดินตามขบวนหาเสียงนายธนาธร พร้อมตะโกนบอกชาวบ้านในละแวกว่า อย่าเลือกคณะก้าวหน้า โดยกล่าวหาว่านายธนาธรล้มสถาบันฯ เป็นพวกหนักแผ่นดิน พฤติการณ์ที่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นการขัดขวางการหาเสียง คณะฯจะร้องเรียนไปยังกกต. ต่อไป ล่วงมากระทั่งวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ตลาดนัดเทศบาล อำเภอปากช่อง มีกลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อประมาน 10 คนได้ทำการยั่วยุด่าทอให้เกิดการกระทบกระทั่ง เพื่อให้ชาวบ้านร่วมผสมโรงกล่าวหานายธนาธร และในวันเดียวกันนั้น ที่จังหวัดสุรินทร์ มีกลุ่มชายเสื้อเหลืองประมาณ 5 คน มีพฤติการณ์เดียวกัน เดินทั่วบริเวณตลาดถือป้ายยุยงปลุกปั่น สุดท้ายเกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง มีกลุ่มบุคคล 4 คน ชูกระดาษมีข้อความหนักแผ่นดิน ขับไล่นายธนาธร เข้าข่ายการคุกคาม โดยทุกกรณีที่เกิดขึ้นทางคณะฯจะร้องเรียนต่อ กกต. เพราะถือเป็นการขัดขวางการเลือกตั้งชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการหมิ่นประมาทนายธนาธร ระหว่างปราศรัยโดยพูดในทำนองว่านายธนาธร หมิ่นสถาบันฯ เบื้องต้นจะทำการฟ้องหมิ่นประมาทหนึ่งในรมว.ชุดปัจจุบัน ที่แถลงข่าว ณ ปชป. กรณีถัดมาฟ้องหมิ่นประมาทอดีตผู้บริหารเนชั่นกรณีปราศรัยที่ ม.ราม ถัดนั้นจะดำเนินคดีกับแกนนำภาคเครือข่ายเพื่อปกป้องสถาบันฯ รวมถึงอดีต ส.ส.สอบตกและแกนนำกลุ่มไทยภักดี โดยทั้งหมดมีพฤติกรรมเดียวกันคือกล่าวหานายธนาธรว่าจะล้มล้างสถาบันฯ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ผู้สมัครถูกขัดขวางและถูกคุกคามในระหว่างหาเสียง และไปฟ้องร้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตัวเอง เช่นกรณีของนางสาวสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง ในนามคณะก้าวหน้า และล่าสุดคือกรณีของนายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ผู้สมัครนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งขี่รถจักรยานตามขบวนเลือกตั้งหาเสียง แล้วตะโกนด่าว่า เป็นพวกชังชาติ ล้มเจ้า หนักแผ่นดิน และเป็นขี้ข้าส.ส. และมีการเผยแพร่คลิป ทำให้เกิดความเสียหาย ได้ดำเนินการฟ้องร้องไปแล้วจากผู้สมัคร ทั้งนี้ขอย้ำว่าคณะก้าวหน้าเคารพและเชิดชูสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเชื่อว่าการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ยังรับฟังกันได้คือรากฐานของประชาธิปไตยที่แข็งแรง แต่ยอมไม่ได้ในกรณีที่พยายามยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกันโดยไม่มีสาเหตุและโดยใช้ข้อมูลเท็จ พร้อมทั้งขอร้องสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวที่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตามทันทีที่รวบรวมหลักฐานเสร็จเรียบร้อยจะเข้าร้องกกต.ทันที รวมถึงไม่มีความกังวล หากเป็นนักเมืองที่ต้องกลัวประชาชนก็ต้องพิจารณาตัวเอง