- 03 ธ.ค. 2563
ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างในบ้านเมืองที่รุนแรงขึ้น ล่าสุด นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า "ร.10 ทรงงานแบบเก็บเงียบ ด้วยนัยยะแห่งปัญหา อันซ่อนเร้น เกาะกิน จนฝั่งรากลึก แต่ถูกบางคนเอาไปบิดเบือนเพื่อหากิน ที่คุณหรือใคร...อาจไม่เคยรู้ ในหลวงกำลังสั่งเก็บกวาดบ้าน แต่ถูกใส่ความว่าไม่ทำอะไรเลย แถมจะกินรวบ
ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างในบ้านเมืองที่รุนแรงขึ้น ล่าสุด นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า "ร.10 ทรงงานแบบเก็บเงียบ ด้วยนัยยะแห่งปัญหา อันซ่อนเร้น เกาะกิน จนฝั่งรากลึก แต่ถูกบางคนเอาไปบิดเบือนเพื่อหากิน ที่คุณหรือใคร...อาจไม่เคยรู้ ในหลวงกำลังสั่งเก็บกวาดบ้าน แต่ถูกใส่ความว่าไม่ทำอะไรเลย แถมจะกินรวบ
การทรงงานของในหลวงรัชกาลปัจจุบันมีสไตล์เป็นของพระองค์เอง คือการทำงานหนักแต่พูดน้อย หรือไม่พูดเลย จึงถูกไอ้โม่งฝ่ายต่อต้านเอาไปบิดเบือนเพื่อให้ร้ายว่าในหลวงกระทำการมิชอบ ทุกอย่างที่พระองค์ทำ มีนัยยะแห่งปัญหา ที่ซ่อนเร้นและฝังลึก เกาะกินราชสำนักมาเนิ่นนาน
ตลอดเวลา ๔ ปีที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ขึ้นครองราชย์สมบัติ มีข่าวการกวาดล้าง จับกุม และเปลี่ยนแปลง โยกย้ายข้าราชการและสำนักงานในพระองค์ หรือในราชสำนัก เช่น การแต่งตั้งบิ๊กแดง อดีตผบ.ทบ. รวมทั้งอดีต ผบ.ตร., ผบ.ทอ.,ผบ.ทร.” เป็นราชองครักษ์
การย้ายกรมทหารเข้ามาอยู่ภายใต้สำนักงานในพระองค์ หรือที่เป็นดราม่าใหญ่สุดคือการรวมสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ที่ฝ่ายต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ เอาไปเล่นเกมส์การเมืองเพื่อโจมตีให้ร้ายอย่างจาบจ้วงต่อในหลวงรัชกาลปัจจุบันและลามไปถึงในหลวงรัชกาลก่อน ในทำนองว่าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ จะกินรวบ ทั้งเงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชน และทรัพย์สมบัติจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ทั้งที่ความจริงในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พยายามล้างบางกับการคอรัปชั่นที่เกาะกินราชสำนัก เช่นในสำนักงานทรัพย์สินฯ มาเนิ่นนาน เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงและโปร่งใส ในบริหารจัดการ สาเหตุที่ในหลวงต้องทำการล้างบางอย่างเงียบๆ ทั้งที่สิ่งที่ทำนั้น เป็นงานใหญ่ยักษ์ และยุ่งยากมาก เพราะมีเครือข่ายคอรัปชั่นที่เกาะกินภายในเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจและมีเครือข่ายเป็นเหมือนใยแมงมุม การที่จะเอยปากอะไรออกไป อาจมีผบกระทบต่อบุคคลอันเป็นที่รักและเคารพ ที่เคยจงรักภักดี รวมทั้งกระทบต่อแผนการดำเนินการได้
พระองค์จึงอยู่ในอาการที่ชาวบ้านอย่างเราเรียกว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่สำคัญ คือการล้างบางใหญ่ครั้งนี้ส่งผลถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตของพระองค์ ถึงขั้นมีข่าวรั่วเรื่องลอบปลงพระชนม์ แต่ธนาธรและพวก กลับนำ”ความพยายามที่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงการทำงานให้โปร่งใสและล้างบางภายในราชสำนัก และสำนักทรัพย์สินฯให้สะอาด “ไปเป็นเกมส์การเมือง ว่าในหลวงจะกินรวบสมบัติของชาติไทย ทั้งๆ เป็นสมบัติของสถาบันฯ ที่ถูกยำมาตลอดหลายสิบปี ทั้งจากภายนอกและภายในของสำนักทรัพย์สินฯ หนึ่งในตัวอย่างที่พอจะยกมาให้เห็นภาพคือทุจริตในสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
ในขณะที่นายธนาธรพี่ชาย พยายามโจมตีสถาบันฯ ด้วยการโจมตีว่าสำนักงานทรัพย์สินมีความไม่ชอบมาพากล น้องชายธนาธร ก็แอบยัดเงินใต้โต๊ะถึง 20 ล้านบาทให้กับคนในของสำนักทรัพย์สินฯ เพื่อหวังจะฮุบสัมปทานที่ดินทำเลทองย่านชิดลม” สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายของธนาธร เป็นนักพัฒนาที่ดินที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยการนำที่ดินจากคุณแม่ที่เป็นนักสะสมที่ดินตัวยงมาพัฒนาต่อยอด หลังจากธนาธรลาออกจากบริษัทไทยซัมมิทเพื่อลงสนามการเมือง สกุลธร ก็ก้าวเข้ามารับตำแหน่งแทนธนาธร เมื่อปี 2560 เกิดคดีที่นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยัดเงินใต้โต๊ะถึง 20 ล้านบาทให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยหวังจะฮุบสัมปทานที่ดินทำเลทองย่านชิดลม เพื่อนำมาพัฒนาที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาเช่า แต่สถานการณ์พลิกล็อกกลับกลายเป็นว่า สกุลธร โดนหลอกอีกที
โดยจำเลยในคดีนี้มี 2 คน คือนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ นายสุรกิจ ตั้งวิทวนิช คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และอีกคนหนึ่งเป็นเหมือนคนกลางที่คอยประสานงาน โดยการให้จําเลยที่ ๑ ซึ่งดํารงตําแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารโครงการ ระดับ บ.๔ แผนกโครงการธุรกิจ ๑ กองโครงการธุรกิจ ๑ ฝ่ายโครงการพิเศษ สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ โดยจําเลยที่ ๑ ได้เป็นผู้ลงนามด้วยการปลอมลายมือชื่อนายสุรพล เล็กเลิศผล โดยมีใจความสําคัญว่า บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด ได้ผ่านการพิจารณา คุณสมบัติของผู้ลงทุนในเบื้องต้นแล้ว สํานักงานทรัพย์สินฯ จึงขอให้สกุลธร ยื่นแผนการพัฒนาพื้นที่ และการลงทุนโดยจะเป็นการทําสัญญาเช่ากับสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ระยะยาว ในขณะที่จําเลยที่ ๒ ซึ่งทำตัวเหมือนหน้าหน้าคนกลางร่วมกันกระทําความผิด ซึ่งสร้างความเสียหายแก่สํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด นายสุรพล เล็กเลิศผล ผู้อื่นและประชาชน
เมื่อนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชื่อว่าสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีที่ดินแปลงดังกล่าวให้เช่าจริงจึงให้จําเลยที่ ๒ ดําเนินการติดต่อประสานงานและอํานวยความสะดวกเพื่อให้ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด ได้สิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวโดยมีค่าตอบแทน จํานวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ใช่แล้ว ห้าร้อยล้านอ่านไม่ผิด) จากนั้น จําเลยทั้งสองได้ร่วมกันในลักษณะ แบ่งหน้าที่กันทํา โดยจําเลยที่ ๑ ได้แนะนําให้นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยื่นหนังสือแสดงความจํานง ขอเช่าที่ดินต่อสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) ตามช่องทางปกติ แล้วจําเลยทั้งสองร่วมกันเรียกรับเงินงวดแรกจํานวน ๕ ล้านบาท จากนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ และร่วมกันใช้เอกสารราชการที่จําเลยทั้งสองร่วมกันทําปลอมขึ้นดังกล่าว อ้างต่อ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพื่อให้นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
เมื่อนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว จึงได้จ่ายเงินงวดที่สอง จำนวน ๕ ล้านบาท ตามมาด้วยงวดที่สามอีก ๑๐ ล้านบาท รวม ๓ งวด จํานวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๐ ล้านบาท ให้แก่จําเลยทั้งสองรับไว้สําหรับตนเองเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จําเลยทั้งสองจะร่วมกันไป ดําเนินการติดต่อประสานงานและนําเงินส่วนหนึ่งไปมอบให้รองผู้อํานวยการสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ คดีนี้จบลงด้วยคำพิพากษาจำคุก ๒ คนนายหน้าและเจ้าพนักงานสำนักทรัพย์สินฯ ส่วนสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายธนาธร ยังคงลอยหน้าอยู่ในสังคมและดำเนินธุรกิจต่อไป ทั้งๆ ที่ร่วมกันคอรัปชั่นด้วยการยัดเงินใต้โต๊ะ ถึงแม้สกุลธรจะถูกหลอก และไม่ได้สิทธิ์ในการเข้าไปพัฒนาที่ดินของสำนักทรัพย์สินฯ แต่เขาได้มีความพยายามซิกแซ็กเพื่อให้ได้สิทธิ์
น้องชายหวังจะกอบโกยผลประโยชน์จากสำนักทรัพย์สินฯ ในขณะที่พี่ชาย นายธนาธรคือหัวหอกเรียกร้องในปฏิรูปสถาบัน ด้วยข้อกล่าวหาอันจาบจ้วงว่า พระมหากษัตริย์กินรวบสถาบันทรัพย์สินฯ ทั้งที่ความจริงในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พยายามล้างบางกับการคอรัปชั่นที่เกาะกินสำนักงานทรัพย์สินฯ มานาน เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงและโปร่งใส ในบริหารจัดการต่อไป แต่ธนาธนและพวก กลับนำความพยายามที่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงการทำงานให้โปร่งใสและล้างบางสำนักทรัพย์สินฯ ให้สะอาด ไปเป็นเกมส์การเมือง ว่าในหลวงจะกินรวบสมบัติของชาติไทย ทั้งๆ เป็นสมบัติของสถาบันฯ ที่ถูกยำมาตลอดหลายสิบปี ทั้งจากภายนอกและภายในของสำนักทรัพย์สินฯ ยังมีรายชื่ออีกหลายคนที่เป็นคนใกล้ชิดที่กระทำการคอรัปชั่นในราชสำนัก และมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ถ้าเอ่ยชื่อนามสกุลออกมาทุกคนจะหงายเก๋ง เพราะท่านจะไม่อยากเชื่อว่าจะกล้ากันได้ถึงเพียงนี้"