นายกรัฐมนตรี ถามกลับแรงไปไหม หลังเห็นญัตติอภิปรายฝ่ายค้าน

เสร็จสิ้นไปอีกหนึ่งวันของการประชุมคณะรัฐมนตรี  ซึ่งในที่ประชุมครม.นั้น ที่ได้ทำการประชุมผ่าน ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งในช่วงหนึ่งของการประชุมนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการประชุมสภาเพื่อพิจารณากฎหมายต่างๆ ทั้งร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565

 

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ และรัฐมนตรีรวม 6 คน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง และยืนหยัดสู้ด้วยข้อเท็จจริง เนื่องจากเราตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ 

"ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ฝาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำความเข้าใจข้อมูล ขอให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปทำความเข้าใจกับ ส.ส.ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวในที่ประชุม

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้กล่าวถึงพฤติการณ์ข้อกล่าวหา นายกรัฐมนตรี  ตามที่ฝ่านค้านระบุในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีเนื้อหารุนแรงว่า "ผมว่าแรงไปมั้ยในหัวข้ออภิปราย มีใครเคยมีมั้ยแบบนี้"
 

โดยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านนั้นจะเริ่มเปิดอภิปรายฯ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน 64 ซึ่งมีข้อญัตติยื่นเปิดอภิปรายครั้งนี้ ที่มีเนื้อหาระบุพฤติการณ์ไม่ไว้วางใจรัฐบาลเนื่องจาก เป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา โอหัง คลั่งอำนาจ ไร้จิตสำนึก ทำให้เกิดการบริหารประเทศอย่างผิดพลาดร้ายแรง

นอกจากนี้ยังมีการฉ้อฉลทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญปล่อยปละละเลยมาตรการควบคุมโรค จนทำให้เกิดการระบาดของโควิดภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 8 พันราย และมีผู้ติดเชื้อกว่า 9 แสนราย

ตามรายงานยังได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีพฤติการณ์ค้าความตาย ปิดบังอำพรางจัดหาวัคซีนโควิด และร่วมมือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กอบโกยกินส่วนต่างบนซากศพ และคราบน้ำตาประชาชน