ทักษิณ ย้อนความหลัง ในพิธีฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9

กลับมาเป็นประเด็นให้พูดถึงอีกครั้ง สำหรับ Tony Woodsome หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่ได้กลับมาร่วมพูดคุยในแอพลิเคชันดังอย่าง ClubHouse กับรายการ CareTalk x CareClubHouse ซึ่งคราวนี้มาในหัวข้อ "อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย - แล้วอนาคตของเยาวชนไทยจะเป็นอย่างไร"

 

ในการพูดคุยดังกล่าวนั้น มีช่วงตอนหนึ่งที่ นายทักษิณ ได้เล่าเรื่องราวถึง เหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 ซึ่ง อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงกับยอมรับตัวเองว่าเป็นคนซื่อบื้อ ซึ่งตอนนั้น แม่ของนายทักษิณ จะเตือนเสมอว่าแม้จะมีความฉลาด ไหวพริบดี แต่ซื่อ เพราะโตมาจากต่างจังหวัด พอมาอยู่กรุงเทพก็อยู่โรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งอยู่ในกรอบ 

เมื่อเรียนจบก็ได้ทุนไปเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่อเมริกา ดังนั้น การที่จะได้เรียนรู้สังคมอีลิท หรือสังคมคนในวัง ไม่มีเลย มาเข้าใจอีกทีก็เมื่อลี้ภัยอยู่ต่างประเทศแล้ว ซึ่งย้อนความไปเมื่อตอนที่ ตนเองอายุ 51 ปีครึ่งและได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ปลัด อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ก็อายุประมาณ 59 ปีแล้ว ถือว่าแก่กว่าผมหมด

 

นายทักษิณ ชินวัตร เล่าต่อไปว่า เมื่ออธิบดีมาหาที่ห้องทำงาน ผมก็ยกมือไหว้ก่อน เพราะถือว่าอายุน้อยกว่า แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่บางครั้งสังคมไทยอาจรับไม่ได้ บางคนก็ยังมองเราเป็นเด็กอยู่ ทั้งๆ ที่เราเป็นนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่บังคับบัญชา 

นอกจากนี้ โทนี่ วู้ดซัม ยังได้เล่าย้อนความไปถึงตอนที่ตนเองดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายทักษิณ ระบุว่า ถือว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขแห่งรัฐ ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล มีผู้บังคับบัญชาคือประมุขแห่งรัฐ ซึ่งนอกจากการเคารพในฐานะเป็นในหลวงของเราแล้ว ยังเคารพในฐานะผู้บังคับบัญชาด้วย

ก่อนที่จะเล่าต่อไปว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งหมอคนหนึ่งที่ถวายการรักษาพระเจ้าอยู่หัว มาบอกว่าจะทำอย่างไรดี อยากให้พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงออกกำลัง ไม่อย่างนั้นจะเดินไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นก็พอดีใกล้จะครบ 60 ปีของการขึ้นครองราชย์ ตนก็เลยไปกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอจัดงานฉลอง 60 ปีที่ทรงครองราช 

โดย นายทักษิณ ได้ถวายบังคมทูลต่อไปว่า ตนตั้งใจจะเชิญพระมหากษัตริย์ทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งว่า เขาจะมากันหรือ เพราะตอน 50 ปีก็มีควีน อลิซาเบธ เสด็จมาหลังจากพิธีแล้วหลายเดือน ซึ่งตนก็กราบบังคมทูลว่ามีความมั่นใจว่าอย่างน้อย 10 พระองค์มาได้ เพราะได้คุยแล้ว กรทั่งที่สุดแล้วปรากฏว่ามาทั้งหมด 26 พระองค์จากที่ทั่วโลกมีพระมหากษัตริย์ 29 พระองค์รวมไทย 

จากนั้น พระองค์ท่านจึงรับสั่งว่า อย่างนั้นฉันต้องออกกำลัง เพราะวันนั้นฉันต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ กระทั่งวันที่ 22 มิ.ย. ซึ่งจะมีงานเลี้ยงใหญ่ พระองค์ท่านก็ทรงแข็งแรงจริงๆ

อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนที่ 23 ยังได้เล่าต่อไปอีกว่า การดำเนินการครั้งนั้นรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งได้เชิญแขกจากทั่วโลก แล้วในงานกองพิธีการของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักพระราชวัง ได้กำหนดให้ตนยืนอยู่ข้างล่าง เพื่อรับแขก ซึ่งคนไม่รู้ ดูเหมือนกับว่าผมไปแย่งรับแขกของพระเจ้าอยู่หัว เพราะผมเป็นเจ้าภาพ 

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ยังได้เล่าทิ้งท้ายว่า เขาสั่งให้ตนไปยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งตนก็ไม่รู้เรื่อง ตนจึงทำตามเจ้าหน้าที่บอก และด้วยความที่ตนเดินทางเยอะ ก็รู้จักคนเยอะ ก็ได้ทักทายกัน การเป็นเพื่อนเป็นฝูงกับกษัตริย์ต่างประเทศมันมีอยู่ เจอกันก็ทักทายกันเอง แต่ก็มีคนไปหาว่าตนไปโชว์ดีล ซึ่งเป็นเรื่องของคนในรอบวังอาจจะเข้าใจตนผิด แต่ไม่ใช่พระเจ้าอยู่หัว