- 22 ต.ค. 2564
"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"รัฐบาล ไร้จุดยืน ไร้น้ำหนัก ไร้ราคา ในเรื่องเมียนมาร์ หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทวงคืนศักดิ์ศรีการต่างประเทศไทย
"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
[ รัฐบาล ไร้จุดยืน ไร้น้ำหนัก ไร้ราคา ในเรื่องเมียนมาร์ หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทวงคืนศักดิ์ศรีการต่างประเทศไทย ]
เมื่อวานนี้ หรือวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ผมได้ร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ด้านการต่างประเทศไทย ในงานเสวนา “ปรับยุทธศาสตร์เพิ่มพลังประเทศไทยในเวทีโลก” ในหัวข้อ “บทบาทการทูตและการต่างประเทศไทยในปัจจุบัน” จัดโดย มูลนิธิสุรินทร์ พิศสุวรรณ, สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ThaiPBS และ Asia News Network
ผมได้พูดถึงใจกลางของปัญหาการสูญเสียบทบาทของไทยในเวทีโลกว่า ไม่ใช่เพราะนักการทูตไทยไม่มีความสามารถ ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้กฎหมาย ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้ protocol แต่เป็นเพราะเราไม่มีผู้นำทางการเมืองที่มีกระดูกสันหลังที่จะสามารถยืนตัวตรงบนหลักการสากลของความถูกต้องบนเวทีโลก หรือสรุปสั้นๆ ได้ว่า ‘เพราะเราไม่มีจุดยืน เราจึงไม่มีที่ยืนในเวทีโลก’
โดยวิธีคิดของผู้นำทางการเมืองไทยที่เชื่อว่าเราจะมีที่ยืนในเวทีโลกเราต้องประนีประนอมโอนอ่อนผ่อนตามกับทุกคน แต่พอประเทศของเราไม่มีหลักการ คำพูดและการกระทำของไทยจึง ไม่มีจุดยืน ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีราคา ตัวอย่างเช่น การแสดงจุดยืนของไทยต่อการที่อาเซียนจะไม่เชิญผู้นำเมียนมาร์เข้าประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยได้กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน” สวนทางกับ 5 ชาติอาเซียน ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ที่ยืนยันว่าไม่ต้องการให้ผู้นำเมียนมาร์เข้าประชุม เนื่องจากฉันทามติ 5 ข้อในการหาทางออกจากวิกฤตความรุนแรงในเมียนมาร์ไม่มีความคืบหน้า
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทวงคืนศักดิ์ศรีของการต่างประเทศไทย โดยจะทำการทูตแบบยืนหลังตรงในเวทีโลก โดยสิ่งที่สามารถทำได้ในวันแรกหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลคือ จะเปลี่ยนท่าทีของไทยต่อเมียนมาร์ กดดันเมียนมาร์ให้ยอมเปิด humanitarian corridor ให้องค์กรระหว่างประเทศนำความช่วยเหลือเข้าไปในเมียนมาร์เพื่อช่วยผู้พลัดถิ่นในประเทศจากสงครามกว่า 7 แสนคน โดยไม่ผ่านรัฐบาลเมียนมาร์ สิ่งที่ทำได้ในวันแรกยังรวมไปถึงการยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เช่น ร่าง พ.ร.บ. NGO
“ต้องไม่มีอีกแล้วประเทศไทยที่ไม่แสดงจุดยืนอะไรเลย ตอนที่อาเซียนมีมติไม่เชิญผู้นำทหารเมียนมาร์เข้าร่วมประชุมเพราะไม่ทำตามฉันทามติ 5 ข้อ ต้องไม่มีอีกแล้วประเทศไทยที่ไม่ยอมโหวตในมติ non-binding หรือมติที่ไม่ได้มีความผูกพันทางกฎหมายด้วยซ้ำ ของสมัชชา UN เพื่อป้องกันการไหลเวียนของอาวุธเข้าเมียนมาร์
และต้องไม่มีอีกแล้วครับ ประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีแอบไปพบรัฐมนตรีต่างประเทศที่เพิ่งขึ้นมาจากการรัฐประหารที่สนามบิน”
#ก้าวไกล #ASEAN #Myanmar #การต่างประเทศ #อาเซียน