- 19 พ.ย. 2564
รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงข้อเท็จจริงเเล้ว หลังถูกฝ่ายค้านโจมตีการจัดรถทหาร3,700 คัน ทดแทนรถบรรทุกนัดหยุดวิ่งประท้วงน้ำมันเเพง
กรณี กองทัพบก สแตนด์บายรถบรรทุกทหาร 3,700 คัน ตามที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกบางส่วน เรียกร้องรัฐบาลเรื่องราคาน้ำมัน และระบุว่าจะหยุดการเดินรถขนส่งสินค้าในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งรัฐบาลกำลังบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เตรียมระบบขนส่งรองรับการหยุดเดินรถและให้เหล่าทัพเตรียมการสนับสนุนรถยนต์ทหารเข้าช่วยในการขนส่งอีกทางหนึ่งนั้น ล่าสุดรองโฆษกกองทัพบก ออกมาชี้แจงเเล้วถึงกรณีดังกล่าว หลังถูกโจมตีจากฝ่ายค้าน
ในส่วนของกองทัพบก พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก, กรมการขนส่งทหารบก, กองทัพภาค และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้รวบรวมศักยภาพด้านการขนส่งและเตรียมข้อมูลยานยนต์ทางทหาร ที่สามารถนำมาใช้ในการขนส่งสินค้ารองรับ ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งได้หารือถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและแนวทางปฎิบัติในการนำรถยนต์บรรทุกขนาดต่างๆพร้อมกำลังพล เข้ารับภารกิจ
โดยในขั้นต้นกองทัพบกมี รถยนต์ทหารที่เหมาะสมกับภารกิจด้านการขนส่งทางถนนประมาณ 3,700 คัน แยกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก, ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 1, 4 และ 8 ตัน ตามลำดับ โดยขณะนี้ได้แจ้งให้หน่วยทหาร ได้ดำเนินการตรวจสภาพยานยนต์และพลขับรวมทั้งส่วนสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้เกิดความพร้อม ส่วนการปฎิบัติงานจริงคงต้องรอสั่งการจากทางรัฐบาลในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกยินดี ให้การสนับสนุน เมื่อรัฐบาลมอบหมาย ทั้งนี้เพื่อให้การบริการด้านการขนส่งสินค้าในภาพรวมของประเทศ เป็นไปตามระบบ ประชาชนผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้ง เป็นการนำเอาศักยภาพ และยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก มาใช้ประโยชน์ในการสนับสนุน และช่วยแก้ไขปัญหาของส่วนรวมด้วย
ล่าสุดในวันที่ 19 พ.ย.64 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าการจัดรถทหาร 3,700 คัน เพื่อทดแทนหากกลุ่มรถบรรทุกนัดหยุดวิ่งประท้วง ไม่ตรงกับภารกิจ และหากนำมาจอด 3,700 คัน แสดงว่าที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ประโยชน์ว่า ในข้อเท็จจริง กองทัพบกเพียงแต่นำรถเหล่านี้มาเช็คสภาพตรวจความพร้อม
เพราะรัฐบาลไม่ได้ใช้ทหารเพียงหน่วยเดียว ยังมีกระทรวงอื่นด้วย ขึ้นอยู่กับแผนงานของรัฐบาล หากได้รับมอบภารกิจ ยืนยันว่า รถปัจจุบันยังคงใช้งานในหลายภารกิจ เช่น ขนส่งคนไปฉีดวัคซีน งานจิตอาสาก็มี ทั้งขนของไปช่วยน้ำท่วม ช่วยภัยหนาว
ทั้งนี้ มองว่า การช่วยเหลือประชาชนเป็นภารกิจของทุกคน เมื่อประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลจึงต้องเตรียมการทุกภาคส่วน เพื่อให้ชาวบ้านไม่ได้รับผลกระทบ