ศักดิ์สยาม แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน มีหลักฐานซื้อขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ 119ล.

เกาะติดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ65  หลังจากเมื่อวันที่ 19ก.ค.65ที่ผ่านมา ซึ่งก็เดือดตั้งเเต่วันเเรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  เมื่อ "ปกรณ์วุฒิ"พรรคก้าวไกล ออกมาแฉยับ"ศักดิ์สยาม"ซุกหุ้น ก่อนขึ้นเป็นรัฐมนตรี ใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันเอาบริษัทตัวเองรับงาน กระทรวงคมนาคม

    โดยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  ซึ่งทางด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  จังหวัดเชียงใหม่  ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 

   โดย  นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  จังหวัดเชียงใหม่  ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม   กล่าวถึงเรื่องที่  นายศักดิ์สยาม ปกปิดทรัพย์สินของตัวเอง แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ ในส่วนที่เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ก่อตั้งในปี 2539 โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี และจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ

  โดยมี ตระกูลชิดชอบ ถือหุ้น 80% และที่ตั้งสำนักงานก็คือบ้านของ นายศักดิ์สยาม ในขณะนั้น เมื่อมีตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นหจก. นี้ทั้งหมด และย้ายสำนักงานไปที่อื่น
 

  คืบหน้าล่าสุดวันนี้  นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ชี้เเจงประเด็นข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเเล้ว หลักๆคือกรณีตระกูลชิดชอบ ครอบครองที่ดิน รฟท. เขากระโดง บุรีรัมย์ เเละ ประเด็นนายศักดิ์สยาม ขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ

•   ซึ่ง นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของ หจก.บุรีเจริญ
•   สำหรับข้อกล่าวหาว่ามีการฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะการดำเนินงานได้คำนึงถึงระเบียบและกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หลักธรรมาภิบาล และความเห็นของพี่น้องประชาชน
   

 โดยประเด็นที่ขายหุ้น หจก.บุรีเจริญกับบุคคลใกล้ชิด นายศักดิ์สยาม  ชี้เเจงว่า  ข้อกล่าวขายหุ้นบจก.บุรีเจริญกับคนใกล้ชิดนั้น คือ เพื่อนตนเอง คืนนายศุภวัฒน์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มีการโอนจริง 3 ครั้ง คือ 35 ล้าน 35 ล้าน  เเละ 49 ล้าน รวม 119,500,000 ล้านบาท  การซื้อขายหุ้น ไม่ยื่นหลักฐานนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรมพัฒนาธุรกิจ ซึ่งมีหลักฐานชี้แจงให้เห็นในวันนี้แล้ว เห็นได้ว่ามีการดำเนินการตั้งแต่ 28 มี.ค.61 แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ตัดขาดจากตนแล้ว ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด 
 
 ซึ่งทำไม ไม่มีการรายงานบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ขอชี้แจงว่า กิจกรรมทั้งหมดที่ได้ดำเนินการเป็นเรื่องที่ ตนยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งรมต. เนื่องจากตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 5 พ.ค.62 ซึ่งตาม กม.ป.ป.ช. กำหนดให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ณ ขณะนั้น 30 วันแล้วไปแจ้ง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยู่ในข้อบังคับ ป.ป.ช.

  ส่วนประเด็น มีการฮั้วประมูลโครงการต่างในกระทรวงคมนาคม  นายศักดิ์สยาม  ได้ชี้เเจงว่า ไม่มีโอกาสเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากนโยบายกระทรวงคมนาคม กำหนดไว้ดังนี้ 
1.ต้องปฏิบัตตามระเบียบกม. 
2.ต้องเป็นไปตามมติครม. 
3. ยึดหลักธรรมาภิบาล 
4.คำนึงถึงข้อเสนอแนะความต้องการของประชาชน

  กระทรวงคมนาคมใช้หลักการจัดซื้อจัดจ้างแบบ อีบิดดิ้ง โดยหลักของกระทรวงการคลังเมื่อพบว่ามีการฮั้วประมูลจริงมีโทษ  ฉะนั้น การดำเนินการของคมนามคมยึดหลักระเบียบจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐโดยเคร่งครัด

   ด้านเรื่อง ที่มีบุคคลตระกูลชิดชอบครอบครองที่ดินรฟท.เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์  นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ  ยอมรับว่า ชัย ชิดชอบ บิดา ได้เข้าไปโดยเป็นผู้อยู่อาศัย และเป็นคนละโฉนดกับที่ ฝ่ายค้านอภิปราย  ความคืบหน้าข้อพิพาทที่ดิน รฟท.บริเวณเขากระโดง ได้ทำการยื่นร้องศาลปกครองกลาง ฟ้องกรมที่ดิน และศาลปกครองกลาง รับคำร้องเตรียมวินิจฉัยแล้ว ส่วนกรณีที่ พ.ต.ต.ทวี สอดส่องอ้างว่า มีค าพิพากษาศาลฏีกานั้น อ้างมาตรา 45 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นเรื่องที่ รฟท.กำลังรอขั้นตอนของกรมบังคับคดีสั่งผูกพันเฉพาะคู่ความที่ร้องเอากรรมสิทธิ์

ชมคลิป

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline