"วิษณุ" ระบุ รักษาการนายกฯ ยุบสภาและปรับครม.ได้ มีอำนาจเต็มเท่าตัวจริง

   หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ5 ต่อ 4 เสียง สั่งให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งเเต่วันที่ 24ส.ค.นี้   ระหว่างรอคำวินิจฉัย คาดกระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จ คาดภายในเดือนกันยายน 65 นี้  พร้อมทำให้ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งรักษาการนายกฯโดยอัตโนมัติ 

    ซึ่งทาง"เนชั่นออนไลน์" มีรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่  พล.อ.ประวิตร ในฐานะรักษาการนายกฯ ก็มีอำนาจนำกฎหมายสำคัญ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ เพราะมีอำนาจเต็ม แต่ร่างกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องใช้เวลา เพราะศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำวินิจฉัยก่อน  

  ส่วนกรณีประกาศคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและงบประมาณ ว่า คำสั่งการรักษาการนายกรัฐมนตรี จะไม่ใช้ในส่วนนี้ โดยเรื่องงบประมาณและการบริหารงานบุคคล ต้องให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบ แต่ขณะนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าหน้าที่ จึงไม่มีสิทธิเห็นชอบ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจเต็ม ทั้งแต่งตั้งผบ.เหล่าทัพได้ ส่วนจะรื้อโผเดิมที่มีอยู่ได้หรือไม่นั้น อย่าใช้คำว่ารื้อโผ แต่ให้ใช้คำว่าสามารถทำได้

  ทั้งนี้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะรมว.กลาโหม สามารถลงนามได้ แต่ทหารจะมีข้อยกเว้น ที่ต้องผ่านการเห็นชอบคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ซึ่งมีรมว.กลาโหมเป็นประธาน และหากเห็นชอบมาอย่างไรนายกฯ ก็ไม่สามารถรื้อ แต่ตำรวจมีข้อยกเว้น เนื่องจากต้องผ่านที่ประชุม กตช. ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ซึ่งการประชุม กตช.จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้ และตนยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด รวมไปถึงการทูลเกล้าฯกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา

นอกจากนี้  นายวิษณุ ยอมรับว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังมีอำนาจที่จะประกาศยุบสภาได้ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ทำแบบนั้น   ซึ่งเมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร สามารถยุบสภาหรือปรับคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น   นายวิษณุ ระบุว่า ในทางทฤษฎีสามารถทำได้ แต่ทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก  และส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ยินดีให้คำแนะนำ หากต้องการความเห็น ซึ่งเมื่อวันที่23 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้แจ้งแนวปฏิบัติตามข้อกฎหมายให้ครม.ได้รับทราบแล้ว

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline