- 27 มิ.ย. 2566
มติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สั่งยึดเก้าอี้ประธานสภา ยึดสูตร 14+1 ก้าวไกลได้ 14+1คือนายกรัฐมนตรี
27 มิ.ย.66 รายงานล่าสุดจากการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย โดย น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
โดยทาง กรุงเทพธุรกิจ มีรายงานว่า น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะเจรจาได้นำเสนอหลักการ 14+1ต่อคณะกรรมการบริหาร โดยสรุปคือคณะกรรมการเจรจาจะไปหารือกับพรรคก้าวไกล ถึงตำแหน่งประธานสภาฯร่วมกับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ผ่านมาเรายืนยันสูตร 14+1 คือพรรคก้าวไกลได้ 14บวกหนึ่งคือนายกรัฐมนตรี
ส่วน เพื่อไทยได้บวกหนึ่งคือประธานสภาผู้แทนราษฎร เพียงตำแหน่งเดียว กรรมการบริหารพรรคเห็นควรยืนสูตร 14บวกหนึ่งเหมือนเดิม ให้คณะเจรจาของพรรคไปเจรจาตามหลักการเดิมที่เคยเสนอตอนแรก ในส่วนของการประชุม ส.ส.พรรคนั้น ข้อเสนอของสมาชิกยังคงประสงค์และยืนยันว่าขอให้เจรจาตามหลักการเดิม คือ 14+1 โดยพรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ
ส่วนนายชูศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำแหน่งประธานสภาฯกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลางตอบสนองทุกพรรค มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งกรรมการบริหารพรรคทราบว่าคณะเจรจาได้เสนอสูตร 14บวกหนึ่ง เพราะเห็นว่ามีความเป็นธรรม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกฯ พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ประชุมเห็นควรยืนยันสูตรดังกล่าวเพื่อนำเสนอพรรคก้าวไกลในการประชุมระหว่าง 2 พรรควันที่ 28 มิ.ย.นี้
ซึ่งจะเป็นความชอบธรรม มีเหตุมีผลซึ่งคณะเจรจาต้องยืนในหลักการนี้ นี่ไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่ง แต่เราเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการมีประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะทำให้สภาเดินหน้าราบรื่น เรียบร้อย ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ