- 17 ส.ค. 2566
พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย พร้อมเน้นย้ำจุดยืน ไม่ร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไข ม.112
17ส.ค.66 พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศร่วมรัฐบาล เพื่อไทย โดย นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีข่าวการเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 18.20น. นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดผยว่า หลังจากได้มีการหารือกัน พรรครวมไทยสร้างชาติ ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ทั้งนี้ พรรคเน้นจุดยืน ไม่ร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไข ม.112 ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ยืนยันว่า ไม่มีพรรคการเมืองดังกล่าว ร่วมรัฐบาลด้วย
นอกจากนี้ นายอัครเดช ยังปฏิเสธกระแสข่าวว่า มีการเจรจาขอกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอื่น โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการเจรจาต่อรองกระทรวงใดๆ ทั้งสิ้น วันนี้เป็นเพียงพูดคุยในหลักการเท่านั้น
ซึ่ง นายอัครเดช ยืนยันอีกว่า ในเรื่องของโควตารัฐมนตรี ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนายทุนเพราะพรรคขับเคลื่อนด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.ของพรรค ฉะนั้นข่าวลือที่มีอยู่ในวันนี้หลายกระแสตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเย็นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้มอบหมายให้ตนในฐานะโฆษกพรรคมาชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบ ยืนยันว่าพร้อมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทย ไม่ว่าจะเสนอชื่อใคร
ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วทีมเจรจาพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และตน ได้หารือร่วมกับแกนนำพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ประกอบด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค อย่างเป็นทางการเพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเพราะทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่าประเทศมีวิกฤติจะต้องจับมือกันเป็นรัฐบาลสลายความขัดแย้งที่มีอยู่ให้หมดไป
โดยการพูดคุยเป็นไปด้วยดี พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าใจจุดมุ่งหมายในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้เพื่อแก้วิกฤติที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมแถลงร่วมกับทุกพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อนโหวตนายกฯวันที่ 22 ส.ค. ทำให้ขณะนี้พรรคเพื่อไทยสามารถรวมเสียงพรรคการเมืองที่สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยได้แล้ว 314 เสียง และยืนยันว่าการหารือวันนี้ยังไม่ได้พูดคุยหรือตกลงเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นหลังโหวตนายกฯเรียบร้อยแล้ว