- 31 ม.ค. 2567
ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย พิธา-ก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง สั่งให้เลิกการกระทำ ห้ามแก้ ม.112 ชี้มีพฤติการณ์เสื่อมทราม เซาะกร่อน บ่อนทำลาย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
31 ม.ค.67 เมื่อเวลา 14.00น. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย พิธา-ก้าวไกล หาเสียงแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ เรื่องพิจารณาที่ 18/2566 คดีกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ โดยคณะตุลาการทั้ง 9 ท่าน มีมติ ชี้การกระทำ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งให้ ยุติการกระทำดังกล่าว
โดยมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า แม้การเสนอแก้ไข ม. 112 ผ่านกระบวนการสภาฯ แม้ไม่ได้รับการบรรจุในสภาฯ ทั้งผู้ถูกร้องยอมรับว่า พรรคผู้ถูกร้องนำเสนอเป็นนโยบายต่อ กกต. เพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้ง และปัจจุบันยังปรากฎการแก้ไข ม. 112 อยู่บนเว็บไซต์ของผู้ถูกร้อง
การที่ผู้ถูกร้องใช้ ม. 112 ในการหาเสียงเลือกตั้ง แม้ไม่มีร่างแก้ไข ม. 112 เสนอมาพร้อมนโยบายพรรค แต่ตามเว็บไซต์กล่าวถึงการแก้ไข ม. 112 กลับมีเนื้อหาที่จะแก้ไขเพิ่มเติมทำนองเดียวกับร่างพ.ร.บ.แก้ไข ม. 112 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2564
"ดังนั้นถือได้ว่าผู้ถูกร้องมีพฤติการณ์ที่จะแสดงออกที่จะลดทอน ม. 112 ลง เพื่อสร้างความชอบธรรม ซ่อนเร้น ผ่านกระบวนการสภาฯ และรณรงค์หาเสียงทางการเมืองให้ประชาชนทั่วไป หากประชาชนซึ่งไม่รู้เจตนาแท้จริง อาจหลงไปกับนโยบายของพรรคผู้ถูกร้อง การกระทำของผู้ถูกร้องมีพฤติการณ์เสื่อมทราม เซาะกร่อน บ่อนทำลาย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและสั่งการให้เลิกการกระทำ การพิมพ์ การโฆษณา เพื่อให้ยกเลิก ม. 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข ม. 112 ด้วย