กลับจากเที่ยวอย่าลืม! ตรวจเช็กสภาพรถ 5จุด เสี่ยงสึกหรอหลังเดินทางไกล

ช่วงปลายปีแบบนี้ เป็นธรรมดาที่หลายคนต่างก็วางแผนเดินทางไกล นอกจากเป็นช่วงที่อากาศดีจนถูกยกให้เป็นไฮซีซั่นแล้วยังมีวันหยุดอีกเพียบ และหากเป็นการเที่ยวในประเทศ แน่นอนว่าตัวเลือกยอดนิยมสำหรับใช้เดินทางต้องเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว นอกจากสะดวกสบายแล้ว ยังแวะพักได้แบบชิลๆ โดยไม่ต้องเกรงใจผู้โดยสารท่านอื่นเพราะมีแต่คนกันเองทั้งนั้น

และไม่ว่าจะขับขี่รถยนต์ยี่ห้อใด ไม่ว่าจะเป็นรถสัญชาติยุโรปอื่นๆ หรือรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์ยอดนิยมต่างๆ อย่าง ฮอนด้า โตโยต้า หรือมาสด้ามือสองมือหนึ่งหลังจากเดินทางไกลจำเป็นต้องตรวจเช็กสภาพรถ เพราะเมื่อรถยนต์ใช้งานระยะทางไกลแล้วอาจมีบางชิ้นส่วนที่ถูกใช้งานหนักจนสึกเหรอ และในอนาคตอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหรือชำรุดได้

ตรวจเช็กสภาพรถ 5จุด เสี่ยงสึกหรอหลังเดินทางไกล

1. น้ำมันเครื่อง
เพราะน้ำมันเครื่องถือเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ ทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ชะล้างสิ่งสกปรก ช่วยลดแรงเสียดทาน และยังช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ หลังเดินทางไกลจึงควรเช็กระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำกับว่า MIN หรือไม่ และควรดูด้วยว่ามีเศษฝุ่นหรือเขม่าปนอยู่หรือไม่ หากพบว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์และมีเศษฝุ่นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที

2. น้ำยาหล่อเย็น
เมื่อตรวจเช็กน้ำมันเครื่องแล้วอย่าลืมตรวจเช็กน้ำมันหล่อเย็น ซึ่งเป็นตัวช่วยระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ วิธีตรวจเช็กทำได้เช่นเดียวกับการตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง หากน้ำยาหล่อเย็นอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำกับว่า MIN ควรรีบเติมน้ำยาหล่อเย็นทันที

3. สภาพยางและลมยาง
ยางรถยนต์คืออีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญ ทำหน้าที่ให้รถเคลื่อนที่และรองรับน้ำหนักรถไว้ทั้งคัน หลังเดินทางไกลจึงต้องเช็กสภาพลมยางว่ามีตะปูหรือเศษเหล็กทิ่มตำหรือไม่ รวมถึงเช็กลมยางให้อยู่ในระดับเหมาะสมของรถยนต์แต่ละคัน เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยหายห่วง

4. ช่วงล่างและการสั่นสะเทือน
เมื่อต้องขับรถทางไกล ยิ่งหากเป็นเส้นทางสมบุกสมบันยิ่งจำเป็นต้องตรวจเช็กช่วงล่าง วิธีตรวเช็กเบื้องต้นคือการปล่อยรถให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ พร้อมปล่อยพวงมาลัย หากรถสามารถวิ่งตรงๆ ได้ถือว่าช่วงล่างยังไม่มีปัญหา นอกจากนี้ควรทดลองขับและสังเกตว่ารถมีการสั่นสะเทือนผิดปกติหรือมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ หากพบว่ามีแนะนำว่าให้นำรถเข้าศูนย์รถยนต์โดยด่วน

5. ไส้กรองอากาศ
หลายคนมองข้ามการตรวจเช็กไส้กรองอากาศ ทั้งที่จริงแล้วไส้กรองมีความสำคัญมาก ทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองให้หมดจด หลังจากเดินทางไกลจึงควรถอดไส้กรองออกมาตรวจเช็กว่ามีฝุ่นเกาะหนาหรือไม่ หากพบว่ามีควรทำความสะอาดเพื่อให้ไส้กรองทำงานมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงแต่การเช็กสภาพรถหลังเดินทางไกลเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นรถมาสด้ามือสองหรือรถยนต์อื่นๆ จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถทุก 10,000 กิโลเมตร โดยช่างจะแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมกับสภาพรถ เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เปลี่ยนยาง ฯลฯ ซึ่งหากเข้ารับการตรวจสถาพรถเสมอ นอกจากทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและรู้สึกปลอดภัยทุกการเดินทางแล้ว การตรวจสภาพรถยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทำให้คุณมีรถยนต์คู่ใจใช้ไปนานๆ