- 14 มี.ค. 2562
รชค.ตรวจติดตามการดำเนินงาน กทท.
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (รชค.) และคณะ เดินทางมาตรวจติดตามการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยมี นายสมศักดิ์ ห่มม่วง ประธานกรรมการ การท่าเรือฯ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ พร้อมด้วยผู้บริหารการท่าเรือฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารที่ทำการการท่าเรือฯ
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ รายงานผลการดำเนินงานของการท่าเรือฯ ปริมาณตู้สินค้า รายได้การดำเนินงาน และความคืบหน้าโครงการพัฒนาที่สำคัญต่างๆ ประกอบด้วย โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 , โครงการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (SRTO) , โครงการท่าเรือชายฝั่ง A ท่าเรือแหลมฉบัง , ความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล , การดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 56 ท่าเทียบเรือ B2 B3 และ B4 โครงการพัฒนาที่สำคัญของท่าเรือกรุงเทพ การพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพฝั่งตะวันออก (Smart Port) , โครงการพัฒนาสถานีบรรจุสินค้าเพื่อการส่งออก , Exported Container Freight Station , โครงการปรับปรุงและพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G , การดำเนินงานโครงการพัฒนาที่สำคัญ แผนพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ของการท่าเรือฯ , การจัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อบริหารสินทรัพย์ของการท่าเรือฯ , โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยให้เป็น Smart Community , การพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยในโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษ สายบางนา-อาจณรงค์ (S1) , โครงการพัฒนาการเชื่อมโยง Data Logistic Chain ด้วยระบบ Port Community System , และการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือภูมิภาค ประกอบด้วยการพัฒนาท่าเรือระนองให้เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าในกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศ BIMSTEC และการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือคลองใหญ่ จังหวัดตราด
ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการต่างๆ ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างบูรณาการ และวางเป้าหมายและพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็น ท่าเรือแหลมฉบัง 4.0 เพื่อให้สามารถแข่งขันหรือเทียบเคียงท่าเรือชั้นนำระดับโลก โดยให้แนวทางในการดำเนินงานโดยวางเป้าหมายขององค์กร ให้มีความเข้มแข็ง มองการไกล และดำเนินงานให้การท่าเรือฯ ก้าวไปสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้น 1 ให้ได้ในอนาคต