- 11 ก.พ. 2563
ไทยออยล์เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านความยั่งยืนเป็นปีที่หก ของอุตสาหกรรมการกลั่นและการตลาดน้ำมันและก๊าซ จากการประกาศผล SAM Sustainability Award 2020
ไทยออยล์เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านความยั่งยืนเป็นปีที่หกของอุตสาหกรรมการกลั่นและการตลาดน้ำมันและก๊าซ จากการประกาศผล SAM Sustainability Award 2020
*ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านความยั่งยืนระดับโลกเป็นปีที่หก
*ได้รับการประเมินให้เป็น SAM Industry Mover จากพัฒนาการของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในสัดส่วนที่สูงสุด เมื่อเทียบกับบริษัทฯอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา
*สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
กรุงเทพฯ: เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยออยล์ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนในระดับ Gold Class ด้านความยั่งยืนเป็นปีที่หกในอุตสาหกรรมการกลั่นและการตลาดน้ำมันและก๊าซและมีการพัฒนาการด้านการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสูงสุด
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ในครั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่ของโลก 4,710 แห่ง ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประเมินความยั่งยืนโดย SAM โดยแบ่งการประเมินออกเป็น 61 อุตสาหกรรม กลุ่มบริษัทที่ได้รับ Gold Class ถือเป็นระดับสูงสุดในแต่ละอุตสาหกรรม กล่าวคือเป็นองค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญต่อการจัดการความยั่งยืน อันเป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว โดยการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการสร้างโอกาสต่อธุรกิจภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยไทยออยล์ยึดหลักการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) มาโดยตลอด ซึ่งทำให้ไทยออยล์ได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Class เป็นปีที่หกด้วยผลประเมินด้าน ESG ในระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมการกลั่นและการตลาดน้ำมันและก๊าซ อีกทั้ง ได้รับการประเมินให้เป็น SAM Industry Mover เนื่องจากไทยออยล์มีพัฒนาการในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสูงสุด เมื่อเทียบกับบริษัทฯอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันในปีที่ผ่านมา และเป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนชั้นนำของโลกใน The Sustainability Yearbook ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ”
“ จากผลการประเมินสะท้อนให้เห็นว่าไทยออยล์มีผลงานโดดเด่นทั้งด้านมิติเศรษฐกิจ ซึ่งมีการบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงรุกต่อความเสี่ยงใหม่ (Emerging risks) ที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต และมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ในมิติสิ่งแวดล้อม ไทยออยล์มีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านนโยบายและแนวปฏิบัติซึ่งครอบคลุมทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและผู้รับเหมา การดำเนินการผลิตและการจัดการกากของเสีย การส่งมอบผลิตภัณฑ์ และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย สำหรับมิติด้านสังคม นอกจากกิจกรรมและโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนต่างๆ ตลอดจนมุ่งเน้นการเคารพในสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาวแล้ว ไทยออยล์ยังได้รับการยอมรับในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในทุกความสำเร็จของบริษัทอีกด้วย นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังได้ขยายการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) สู่บริษัทในกลุ่มและคู่ค้าของไทยออยล์เพื่อสร้างความพร้อมในการเติบโตร่วมกันในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายวิรัตน์ กล่าวเสริม