รษก.เอกอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ เผยการจัดงาน Top Thai Brands Vientiane 2563 จับคู่ธุรกิจ ‘ไทย-ลาว’ ประสบความสำเร็จ

‘รษก.เอกอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์’ เผยการจัดงาน Top Thai Brands Vientiane 2563 จับคู่ธุรกิจ ‘ไทย - ลาว’ ประสบความสำเร็จ มีสินค้านวัตกรรมจากไทยได้ลงนามเซ็นสัญญามูลค่าถึง 224 ล้านบาท

 นางสาวปวิตรา ม่วงสกุล ที่ปรึกษา รักษาการแทนอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจัดงาน Top Thai Brands Vientiane 2563 เวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจ Business Matching ไทย-ลาว เพิ่มศักยภาพการค้า การลงทุน เชื่อมโยงกลุ่มประเทศภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ 4-8 มีนาคม 2563 ณ สภาการค้า และอุตสาหกรรม แห่งชาติลาว นครหลวงเวียงจันทน์สปป.ลาว ว่า เวทีดังกล่าว ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ได้เชิญผู้ประกอบการสินค้าแบรนด์ไทย พบปะนักธุรกิจสปป.ลาว  โดยการจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทาง และโอกาสทางการตลาด ให้ผู้ประกอบการไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีโอกาสพบปะเจรจาการค้า และเพิ่มโอกาสทำธุรกิจร่วมกัน ส่งเสริมภาพลักษณ์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ ภายใต้คอนเซป “ไทย-ลาว ต่อยอดอนาคต เปิดโลกการค้าไร้พรมแดน”

 

รษก.เอกอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ เผยการจัดงาน Top Thai Brands Vientiane 2563 จับคู่ธุรกิจ ‘ไทย-ลาว’ ประสบความสำเร็จ

นางสาวปวิตรา กล่าวด้วยว่า ภายในงานได้มีกิจกรรมเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ,กิจกรรม Tip&Talk จากบุคคลที่มีชื่อเสียงของไทย และกิจกรรมการลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) ด้านการค้า การลงทุน รวมมูลค้าที่จะเกิดขึ้นมากกว่า 224,000,000 ล้านบาท โดยมีสินค้าด้านนวัตกรรรมหลากหลายรายการที่ได้ลงนามเซ็นสัญญากันในงานนี้ด้วย


รษก.เอกอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ เผยการจัดงาน Top Thai Brands Vientiane 2563 จับคู่ธุรกิจ ‘ไทย-ลาว’ ประสบความสำเร็จ

 “สำหรับไทยและลาว ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกัน การจัดงานดังกล่าวทำให้นักธุรกิจไทยและลาวได้พูดคุยแลกเปลี่ยนสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการและการพัฒนาภาค SMEs ของ สปป.ลาว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ที่รัฐบาล สปป.ลาว กำลังให้ความสำคัญ และการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในระบบการศึกษาที่จะช่วยต่อยอดการสร้างบุคคลากรที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีสินค้าแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้สร้างอาชีพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการค้า การลงทุนระหว่างสองประเทศต่อไป”  นางสาวปวิตรากล่าว