- 01 มี.ค. 2564
การซื้อ-ขายหุ้นในประเทศไทย
ในปี 2021 นี้ คุณคิดว่าประเทศไหนในแถบเอเชียเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด ใช่แล้ว ประเทศของเรานี่เอง จุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นภูเก็ต และโดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เพราะว่าในเมืองหลวงนอกจากจะเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว กรุงเทพฯ ยังถือเป็นเมืองท่าทางเศรษฐกิจหลักของไทยด้วย และถ้าคุณอยากที่จะศึกษาเศรษฐกิจไทยให้ดีมากขึ้น การลงมือเองโดยการเริ่มลงทุนในหุ้นของไทยเลยก็คงจะเป็นทางช่วยที่ดีทางหนึ่งเลย คุณสามารถศึกษาข้อมูลการลงทุนเบื้องต้นได้จาก trading.in.th ได้เลย ในเว็บนี้ได้รวมแหล่งข้อมูลต่างๆ ไว้ให้คุณแล้ว
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า “การเล่นหุ้น” คืออะไร การเล่นหุ้นหรือการลงทุนในหุ้น คือ การซื้อหุ้นของบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยตลาดที่มีให้เราซื้อขายหุ้นกันได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ตลาด คือ ตลาดแรกและตลาดรอง การซื้อขายในตลาดแรก หรือที่เราคงเคยได้ยินการซื้อขายหุ้น IPO (Initial Public Offering) นี้เกิดจากการที่บริษัทต้องการระดมทุนจากนักลงทุนเพื่อขยายกิจการ โดยราคาหุ้นจะถูกกำหนดไว้ให้นักลงทุนมาจับจอง ในการซื้อหุ้น IPO นั้นจะต้องจองซื้อผ่านผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น ส่วนการซื้อขายหุ้นหลังจากนั้น จะเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดรอง
เมื่อทราบแล้วว่าเราสามารถซื้อขายหุ้นได้จากที่ไหนบ้าง เราก็มาดูกันต่อเลยว่าสิ่งที่เราต้องทำต่อไปเพื่อที่จะสามารถเริ่มซื้อหุ้นได้นั้นมีอะไรอีกบ้าง
ขั้นที่ 1 การเปิดบัญชีโบรกเกอร์ของไทย
แน่นอนว่าการจะเทรดหุ้นได้คุณก็จะต้องเปิดบัญชีเทรดกับทางโบรกเกอร์ซะก่อน โดยในปัจจุบันมีโบรกเกอร์มากมายที่คอยให้บริการคุณอยู่ แต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีการบริการและค่าธรรมเนียมในการเทรดที่แตกต่าง
ขั้นที่ 2 เริ่มเทรดหุ้นได้เลย
เมื่อคุณเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคืออะไร คุณคงสามารถเดาได้ไม่ยากนัก ใช่แล้ว คุณสามารถเริ่มเทรดหุ้นเองได้เลย แต่อย่าเพิ่งชะล่าในนะ ถ้าจะให้เปรียบเทียบ การเล่นหุ้นก็เหมือนออกรบ ถ้ามีการวางแผนที่ดีก่อนแล้ว แน่นอนว่าไม่ว่าจะรบกี่ครั้ง เปอร์เซ็นต์ที่จะชนะก็คงจะมีมากกว่าการเดินดุ่มๆ ออกไปฟันศัตรูเลย ในการเทรดนี้เราจะต้องมีกลยุทธ์ในการเทรดที่ดี ซึ่งกลยุทธ์นี้เราจะมาพูดต่อกันในบทความถัดไป
บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
ปี 2564 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนแล้วประมาณ 700 แห่ง ซึ่งเมื่อดูตามรายงาน “Measuring Sustainability Disclosure 2019” ที่จัดทำโดย Corporate Knights และ AVIVA ที่ได้จัดอันดับการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ 49 แห่งทั่วโลก ตลาดหุ้นของไทยนี้ติดอันดับที่ 9 และเป็นตลาดหลักทรัพย์เอเชียเพียงแห่งเดียวที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก
แน่นอนว่าบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยนี้มีลักษณะการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นรายได้ กำไรและผลประกอบการประจำปีก็จะต้องแตกต่างกันด้วย โดยตลาดหุ้นของไทยนี้จะแบ่งบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) : ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนระยะยาวของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป
- ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) : เป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 20 ล้านขึ้นไป โดยเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและมีแนวโน้มการเติบโตดีในอนาคต
และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอที่มีผลประกอบการที่ดีมาโดยสม่ำเสมอก็สามารถจะถูกจัดให้อยู่ในตลาด SET ได้ด้วย
เวลาเปิดทำการในตลาดหุ้นไทย
ตลาดหลักทรัพย์ของไทยเปิดทำการในวันจันทร์ - วันศุกร์ ระหว่างเวลา 10.00 น. - 16.30 น. โดยมีพักเที่ยงตั้งแต่เวลา 12.30 น. ถึง 14.30 น.
สรุป
แน่นอนว่าไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนหรือเทรดในหุ้นก็ตาม ต่างก็มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นรอคุณอยู่ข้างหน้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากปัจจัยภายในหรือภายนอก เช่น การดำเนินการของบริษัทหรือคณะผู้บริหาร ความเสี่ยงเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน รวมทั้งภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม พายุ ปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อราคาหุ้นทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจะต้องวางแผนวางเทรดให้ดีและติดตามข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่เสมอ