- 06 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
นครพนม พนักงานสินเชื่อ ธกส. ติดการพนันงอมแงม โกงเงินชาวบ้านกว่า 12 ล้านบาท แห่แจ้งความ ดำเนินคดีแล้วแต่คดีไม่คืบ
วันที่ 6 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านที่อำเภอท่าอุเทนจังหวัดนครพนมกลุ่มหนึ่งว่า ถูกสาวแผนกสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.ฯ) สาขาอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม โกงเงินลูกค้ารวมแล้วกว่า 12 ล้านบาท มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน ตั้งแต่เดือน กันยายน 60 ถึงวันนี้คดียังไม่คืบหน้า ขณะที่สาขาต้นสังกัดยังคงส่งใบแจ้งเรียกเก็บหนี้กับลูกค้าอย่างปกติ
นางประหยัด เจริญราษฎร์ อายุ 41 ปี บ้านเลข 33 หมู่ 3 ต.ท่าอุเทน เป็นแกนนำพาชาวบ้านร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว แต่ละคนมีเอกสารทั้งใบแจ้งหนี้จาก ธกส.ฯ และสำเนาใบแจ้งความของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนางประหยัดเปิดเผยว่าในฐานะเป็นลูกค้า ธกส. สาขาท่าอุเทน มีการรวมกลุ่มกันไม่น้อยกว่า 10 คน เพื่อเสนอขอกู้เงินโดยใช้วิธีค้ำประกัน กันไปมา มี น.ส.ศศิธร หรือปุ๋ย หอมดวง อายุ 36 ปี พื้นเพเป็นคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของ ธกส.ฯ กว่า 5 ปี คอยบริการเรื่องต่างๆให้ทุกอย่าง
ประมาณเดือน มี.ค.60 กลุ่มพวกตนได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินขั้นต่ำคนละ 20,000 บาท - 250,000 บาท การเซ็นสัญญาจะทำกันบนชั้น 2 ของอาคาร ธกส.ท่าอุเทน ซึ่งจะมีพนักงานนั่งทำงานอยู่ 5 คน หนึ่งในนั้นก็คือ น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อภาคสนาม โดยพวกตนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.ปุ๋ยเป็นอย่างดี
นางประหยัดเล่าต่อว่าได้ขอกู้เงินแค่ 50,000 บาท แต่เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา ตนกลับมียอดหนี้มากถึง 400,000 บาท ขณะที่คนอื่นในกลุ่มก็กู้มากบ้างน้อยบ้างคละเคล้ากัน โดย น.ส.ปุ๋ยจะนัดลูกค้ามารับเงินที่ธนาคาร แต่การนัด จะไม่ตรงกัน บางคนเซ็นชื่อรับเงิน ไปก่อนครึ่งหนึ่ง เงินส่วนที่เหลือน.ส.ปุ๋ยอ้างจะนำไปส่งให้ที่บ้าน เช่น นางสินธ์ มณีลุน อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 บ้านปากทวย ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ขอกู้ 80,000 บาท ไปเซ็นรับเงินที่ธนาคารในตอนเช้า น.ส.ปุ๋ยจ่ายให้แค่ 50,000 บาท อ้างว่าที่เหลือจะเอามาให้ถึงบ้าน ตอนบ่ายในวันเดียวกัน น.ส.ปุ๋ยก็มาขอเงิน 50,000 บาท คืนอ้างจะเอาไปส่งคืนธนาคาร แล้วจะทำเรื่องเบิกใหม่ให้ครบ 80,000 บาทเต็ม ด้วยความไว้วางใจจึงมอบเงินจำนวนดังกล่าวคืน และ น.ส.ปุ๋ยนัดไปรับเงินอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.60 ตนได้รับเงิน 80,000 บาทจริง แต่ปรากฏยอดหนี้เป็นเงิน 130,000 บาท ตนพยายามสอบถาม น.ส.ปุ๋ยก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าระบบข้อมูลผิดเดี๋ยวจะแก้ไขให้
ทางด้านนางเสมอ กิติศรีวรพันธุ์ ขอกู้ 240,000 บาท น.ส.ปุ๋ยนำเงินมามอบให้ 120,000 บาท ที่เหลืออ้างจะเอาไปปิดหนี้เก่า แล้วจะเอาใบเสร็จมาส่งให้ที่บ้าน หลังเกิดเรื่องตนไปขอดูยอดหนี้ น.ส.ปุ๋ยไม่ได้ชำระหนี้แต่อย่างใด ขณะที่นางไคศรี ยะสา อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 7 บ้านกุดสะกอย ต.โนนตาล มีหนี้อยู่กับ ธกส.ท่าอุเทน 500,000 บาท ส่งต้นและดอกเบี้ยสม่ำเสมอ ต่อมาได้ทำประกันชีวิตให้ลูกสาวที่ไปทำงานต่างประเทศปีละ 12,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันทุกปีไม่เคยขาด ภายหลัง น.ส.ปุ๋ย อาสารับ เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยและเงินประกันชีวิตส่งธนาคารแทน อ้างว่าตนไปมาลำบาก จะจัดการให้ ตนเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงมอบเงินให้ไปครั้งละ 47,000 บาท ปรากฏว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงานนิ้วขาด 3 นิ้ว ตนจึงยื่นเรื่องขอสินไหมจาก ธกส.ท่าอุเทน พนักงานคนหนึ่งบอกว่าตนไม่ได้ส่งเบี้ยประกันมาหลายปีแล้ว จึงหมดสิทธิ์ในการจะได้สินไหมทดแทน และเงินที่ใช้หนี้ก็ยังเหมือนเดิม น.ส.ปุ๋ยไม่ได้นำมาชำระหนี้ให้แต่อย่างใด
นางประหยัดกล่าวต่อว่า หลังมีการรับเงินก็ยังไม่ได้ใบแจ้งยอดหนี้ จนถึงเดือน ส.ค.60 ผู้ใหญ่บ้านมาบอกให้ไปดูยอดหนี้ ที่ธนาคาร เพราะ น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ยปฏิบัติหน้าที่ทุจริต จึงชักชวนเพื่อนในกลุ่ม พากันไปขอดู แต่ละคนเห็นยอดหนี้ถึงกับเป็นลม เพราะมียอดหนี้สูงเกินจริงทุกราย ระหว่างเกิดเรื่องทาง ธกส.ท่าอุเทน ก็ไม่ได้ดำเนินการแจ้งความใด ๆ แค่สั่งย้าย น.ส.ปุ๋ยไปประจำอยู่ที่สาขานครพนมแทน ตนเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงโทรศัพท์ไปบอกนักจัดรายการสถานวิทยุคลื่นหนนึ่ง ให้ออกข่าวว่ามีพนักงานสินเชื่อ ธกส.สาขาท่าอุเทน โกงเงินลูกค้า และทางธนาคารยังเพิกเฉย จากนั้น น.ส.ปุ๋ยก็หายหน้าหายตาไปเลย พวกตนจึงพากันแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชนไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน รวมผู้เสียหาย 39 ราย มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท
น.ส.นิรมล กิติศรีวรพันธุ์ อายุ 38 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าอุเทน ซึ่งเป็นลูกสาวของนายจรูญ กิติศรีวรพันธุ์ อายุ 70 ปี เปิดเผยว่าพ่อมียอดหนี้ 50,000 บาท ก่อนหน้านี้พ่อได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้ น.ส.ปุ๋ยไปปิดหนี้ แต่ไม่ได้นำเงินไปชำระหนี้ พ่อตนจึงมียอดหนี้เหมือนเดิม หลัง น.ส.ปุ๋ยถูกย้ายไปอยู่ที่ ธกส.นครพนม ได้ไปนั่งประจันกันแล้วซักถามข้อเท็จจริง ว่าโกงเงินนับสิบล้านบาท ไปทำอะไร น.ส.ปุ๋ยสารภาพว่าติดการพนันอย่างหนัก โดยจะข้ามไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโน ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อไม่มีเงินก็ซิกแซกเอาเงินลูกค้าไปเล่นจนหมดตัว และจะกลับบ้านไปขายนามา ใช้หนี้คืน ถึงปัจจุบัน น.ส.ปุ๋ยปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ทาง ธกส.ก็ไม่ยอมให้ความกระจ่าง อ้างว่าต้องรอทางส่วนกลางมาสอบสวน มีมาสอบปากคำแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ทุกอย่างก็ยังเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางตำรวจก็อ้างว่าออกหมายจับไปแล้ว จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล สำนักข่าวทีนิวส์ นครพนม