- 21 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
หลังจากทางรพ.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ได้รับผู้ป่วยจากการรับประทานแกงเห็ดทั้งหมด14 ราย มีอาการคลื่นไส้อาเจียน กระสับกระส่าย เวียนหัว ซึม จึงได้เข้าสอบสวนโรคพบว่าไม่เข้ารับการรักษาอีก 3 ราย รวม 17 ราย เป็นหญิง 10 ราย ชาย 7 ราย ซึ่งในจำนวน 17 รายนี้นำส่งรพ.สตูล 3 ราย ซึ่งเห็ดที่นำมารับประทานเก็บมาจากโคนต้นยางในสวนยางม.10 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า
ด้านแพทย์หญิงวันทนา ไทยงาม ผอ.รพ.สตูล กล่าวว่า รพ.สตูลรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากรพ.ทุ่งหว้า 3 รายขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู เนื่องจากหายใจลำบากติดขัด โดยได้เตือนผู้ที่ชอบรับประทานเห็ดต้องรู้จักเห็ดหากกินไปแล้วมีอาการทางเดินหายใจ ต้องรีบมารพ. ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการซึม ท้องเสียและมีอาการทางเดินหายใจ
ต่อมา สำนักงานสาธารณสุขจ.สตูล โดยนายแพทย์สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา นายแพทย์สาธารณสุข จ.สตูล ได้ประกาศเตือน ช่วงหน้าฝนเก็บเห็ดป่ามากินอาจเป็นเห็ดพิษ เนื่องจากประชาชนนิยมเห็ดป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเห็ดป่ามีทั้งกินได้และเห็ดพิษที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สำหรับอาการหลังจากกินเห็ดพิษแล้วจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องหรือถ่ายอุจจาระเหลว ไม่ควรซื้อยากินเองหรือไปรักษากับหมดพื้นบ้าน จะต้องรีบไปพบแพทย์พร้อมนำตัวอย่างเห็ดไปด้วย และจากการลงไปสอบสวนโรคในพื้นที่ทราบว่า ผู้ป่วยเก็บเห็ดและนำมาประกอบอาหาร และนำไปให้ญาติในเขต ต.ป่าแก่บ่อหิน ซึ่งผู้ป่วยส่งรพ.สตูล 3 ราย พักรักษาตัวที่รพ.ทุ่งหว้า 4 รายและกลับบ้าน 7 รายส่วนอีก 3 รายไม่มารับการรักษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมและยังไม่พบผู้เสียชีวิต สำหรับเห็ดที่รับประทานได้ สังเกตุได้คือ ส่วนใหญ่เจริญในทุ่งหญ้า ก้านสั้น อ้วนป้อมและไม่โป่งพองออก ผวิเรียบไม่ขรุขระ ไม่มีสะเก็ต สีผิวของหมวกส่วนใหญ่เป็นสีขาวถึงสีน้ำตาล ผวของหมวกเห็ดเรียบจนเป็นเส้นใยและเหมือนถูกกดจนเป็นแผ่นบางๆ ดึงออกยาก ครีบแยกออกจากกันระยะแรกเป็นสีชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล สปอร์สีน้ำตาลอมม่วงแก่ รูปกระสวยกว้าง ...................
ภาพ/ข่าว สุไหล โพธิ์ดก ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์จ.สตูล ขอบคุณภาพจากสนง.สาธารณสุขจ.สตูล