- 08 ก.พ. 2562
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 8 ก.พ.62 จากการที่สาวรายหนึ่งที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส์ส่วนตัวพร้อมกับภาพที่ตัวเองถูกทำร้ายร่างกาย ในสภาพบอบช้ำอย่างหนัก จมูกหัก กระดูกหน้าร้าว ใบหน้าและลำตัวเต็มไปด้วยเลือด โดยเธอได้โพสต์มีข้อความดังนี้ “เหยื่อของยาเสพติด เกิดเป็นผู้หญิงต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอ วันๆ ไม่คิดแต่จะทำมาหากิน รับผิดชอบลูกๆๆ รับผิดชอบครอบครัว พึ่งพาอาศัยไม่ได้ ความดีก็ไม่มีให้จดจำ หาเงินมาได้ก็จ้องแต่จะซื้อยาเสพติดมาเสพ ไม่เคยช่วยรับผิดชอบอะไรนอกจากเรื่องของตัวเอง แล้วยังมากล่าวหาว่าเรามีคนอื่น เรื่องนี้จอยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จะฟ้องหมิ่นประมาทด้วย เพราะจอยไม่เคยมีใคร แล้วต้องมาโดนทำร้ายถึงขนาดนี้ จมูกหัก กระดูกหน้าร้าวเพียงเพราะติดยาเสพติด ใครจะรับผิดชอบ จอยเป็นอะไรไปลูกๆ จอยจะอยู่ยังไง แม่ พี่ น้อง จอยจะรับได้ไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถามใจเอา เรื่องเกิดตั้งแต่วันอาทิตย์ แต่ที่ไม่ลงเพราะคนในครอบครัวของฝั่งผู้ชายดี มี....ยอยู่คนเดียวในบ้าน แต่พอรู้เรื่องกับสิ่งที่ให้การกับตำรวจแล้ว ก็พอกันที ความดี รักแท้ มีจริงแต่ใช้ผิดที่ผิดคน ก็ไม่เกิดผล”
โดย น.ส.ลลิตา สุดเจริญ หรือ น้องจอย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/3 ม.3 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าของเฟซบุ๊กส์คนดังกล่าวได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่โพสต์ว่า ตนแต่งงานกับ นายธนภูมิ หนูปิ่น สามีของตนมา 4 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน โดย นายธนภูมิ นั้นติดยาเสพติด เมื่อเวลาที่เสพไปแล้วจะมีอาการหลอนแล้วก็จะคลุ้มคลั่ง มักกล่าวหาว่าตนมีชู้และก็จะทำร้ายตน แต่ไม่รุนแรงมากนัก มีครั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 ที่ผ่านมา ที่หนักมากจนตนบาดเจ็บสาหัสต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาจับตัว นายธนภูมิ ไปเมื่อตรวจร่างกายแล้วพบมีสารเสพติด จึงถูกดำเนินคดีในข้อหายาเสพติไปก่อน และในวันนี้ตนกับแม่ได้มาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคือทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าอยู่ค่ะ
ด้าน นางกนกทิพย์ เลิศเจริญทรัพย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/3 ม.3 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นแม่ของ น.ส.ลลิตา เล่าว่า ลูกสาวได้โทรหาตนบอกว่าโดน นายธนภูมิ ซึ่งเป็นลูกเขย ทำร้ายร่างกายนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ตนตกใจมาก เมื่อไปดูลูกสาวจึงพบว่าลูกสาวโดนทำร้ายแทบปางตาย ยังโชคดีที่ในขณะที่ลูกสาวโดนทำร้าย พ่อของ นายธนภูมิ ได้มาห้ามไว้ ไม่งั้นลูกสาวตนคงตายไป ความรู้สึกที่เห็นลูกโดนทำร้ายจนเลือดเต็มตัวแบบนี้คือ เรารับไม่ได้ และเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเคยทำร้ายลูกเรา เพราะลูกเราไม่ได้บอก เราเพิ่งจะมารู้ว่าลูกเราโดนทำร้ายมาโดยตลอดแม้กระทั่งตอนท้องก็ยังโดน โดยปกติลูกเขยก็เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ไม่ยอมคน แต่ไม่คิดว่าจะมาทำร้ายแม้กระทั่งภรรยาของตัวเองที่เป็นลูกสาวของเรา ตนตั้งใจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด คนแบบนี้ไม่สมควรออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อทำร้ายใครได้อีก เพราะถ้าเขาออกมาจากคุกได้ ลูกเราก็คงอยู่ในจังหวัดสิงห์บุรีไม่ได้ต้องหนีไปให้ไกล อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
จากนั้น ร.ต.อ.จีระเดช ดวงรัศมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี จะได้ดำเนินคดี นายธนภูมิ หนูปิ่น ตามกฎหมายเพิ่มเติมจากคดีเสพยาเสพติดในข้อหาทำร้ายร่างกายต่อไป
ภาพ/ข่าว ณัฏฐนารา ปานมี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สิงห์บุรี