- 27 มี.ค. 2562
เปิดตัว “น้องชัย”มดแดงล้มช้างจากเด็กวัดก้าวสู่ ส.ส.นครศรีธรรมราช-ล้มช้าง“วิทยา แก้วภราดัย” ค่าย ปชป. ส.ส.8 สมัยและอดีต รมว.สาธารณสุข-เผยเคยสร้างความฮือฮาเมื่อครั้งชิงชิงชัยผู้ว่า ฯกรุงเทพโดยนโยบาย “ทลายกำแพงบ้าน และเจ้าของสโลแกน “อย่าเลือกผมถ้าคุณไม่ใช่คนดี”
(27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชรายงานว่า จากผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้สร้างความฮือฮาและดีใจให้กับประชาชนอย่างก้างขวางกรณีพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งถึง 3 เขตจากทั้งหมด 8 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ เขตเลือกตั้งที่ 2 ว่าที่ ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง และเขตเลือกตั้งที่ 7 นายสายัณห์ ยุติธรรม ซึ่งนับเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้า 1 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เกือบ 30 ปีที่ผ่านมาผู้สมัครเลือกตั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ชนะคู่แข่งขาดลอยต่อเนื่องทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์สามารถ รักษาที่นั่งเอาไว้ได้เพียง 5 เขตเท่านั้น
โดยเฉพาะเขตที่ประชาชนวิพากวิจารณ์กันอ่างกว้างขวาง คือเขตเลือกตั้งที่ 2 ที่ว่าที่ ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง หรือที่รู้จักกันในนาม “น้องชัย”สามารถเอาชนะนายวิทยา แก้วภราดัย จากค่ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเป็น ส.ส.เจ้าของพื้นที่ต่อเนื่องมาแล้วถึง 8 สมัย ที่สำคัญยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี การที่ ว่าที่ ดร.สัณหพจน์ ชนะนายวิทยาในครั้งนี้กลายเปรียบเสมือน “มดแดงล้มช้าง”ก็ว่าได้
ว่าที่ ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง เปิดเผยว่า ตนเป็น อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ถือเป็นคนลุ่มน้ำปากพนังขนานแท้ เกิดในครอบครับที่มีฐานะยากจน พ่อแม่มีอาชีพค้าขาย ในตอนเด็ก ๆ อายุแค่ 9-10 ขบเรียนชั้น ป.3 ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน ตื่นตั้งแต่ตี 4 ไปเดินทางด้วยเรือหางยาวไปช่วยพ่อค้าขายที่ตลาดนัดบ้านบางตะลุมพอ อ.ปากพนัง และตอนเรียนระดับมัธยมที่ จ.ตรังก็ปลูกข้าวโพด เลี้ยงนกกะทา เลี้ยงปลาดุก พอเลิกเรียนก็จะต้มข้าวโพดและไล่นกกะทาขายตามตลาด ตามงานศพ ชีวิตตนเป็นเด็กวัด อยู่วัดบวชกับท่านเจ้าคุณทอง และช่วยเหลือตัวเองมาตลอด โดยเป็นลูกศิษย์ ”เจ้าคุณทอง" อดีตเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งท่านเป็นคน อ.เชียรใหญ่ และมาสร้างวัดที่ อ.เชียรใหญ่หน้าบ้านของตนทำให้ตนคลุกคลีกับวัดมาโดยตลอด จนถึงช่วงเข้าเรียนปริญญาตรีก็กู้ยืมเงินทุนเพื่อการศึกษา ตนมาจากคนยากจน ต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเองมาตลอด มาจากความลำบากมาเต็มพิกัดครบเครื่อง ผมมั่นใจว่าเป็นเป็นคนรุ่นใหม่ของแท้ ไม่มีการสืบทอดอำนาจทางการเมืองมาจากใคร ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์กองทัพภคที่ 4 ผมก็เป็นหัวหน้าตอนเป็นตัวแทนทหารทุกระดับในการกล่าวสดุดีอนุสาวรีย์วีรไทย หรือ “พ่อจ่าดำ” นายทหารในกองทัพภาคที่ 4 รู้จักผมดี
“ตนสนใจการเมืองมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ปัจจุบันอายุ 45 ปีเศษจึงถือว่าตนทำกิจกรรมทางการเมืองมาตลอดเกือบ 30 ปี โดยเมื่อปี 2550 เคยลงสมัคร ส.ส.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งมี พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เขต 12 กอกกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา ชนกับนักการเมืองดังหลายคนโดยเฉพาะนายองอาจ คร้ามไพบูลย์ และแพ้การเลือกตั้งขาดลอย ต่อมาในปี 2556 ได้ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นมีผู้ลงสมัครมากถึง 24 คน และนิด้าโพลได้สำรวจนโยบายและสโลแกนการหาเสียงของผู้สมัครทุกคนปรากฏว่านโยบายและสโลแกนของตนได้รับความนิยมและได้รับการโหวตเป็นอันดับ 1 มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง คือนโยบาย “ทะลายกำแพงบ้าน ..อย่าเลือกผมถ้าคุณไม่ใช่คนดี”
ว่าที่ ส.ส.เขต 2 นครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ตนจะไม่มีตำแหน่งใด ๆ ทางการเมืองแต่ทำงานเพื่อส่วนรวมในพื้นที่มาโดยตลอด และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางระดับหนึ่ง และคิดมาโดยตลอดว่าหากจะลงสมัคร ส.ส.อยากจะสู้กับนายวิทยา แก้วภราดัย ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่แห่งพรรคประชาธิปัตย์ และตนก็เคยลงคะแนนเลือกนายวิยา มาก่อน แต่ในช่วงอย่างน้อย 26 ปีที่ผ่านมาพบว่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการดูแล ไม่มีการพัฒนาแม้แต่น้อย โดย อ.เชียรใหญ่ แม้แต่ร้านเซเว่น ฯก็ยังมี ร้านกาแฟสักร้านที่พอจะนั่งพูดคับกับพรรคพวกก็หายากมาก ในขณะที่ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ก็เงียบคึกคักเหมือนในอดีตที่ตนเป็นเด็ก ซึ่งตอนตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ตนตั้งใจที่จะแข่งขันกับนายวิทยา แก้วภราดัย แต่ช่วงนั้นมีข่าวว่าท่าน ส.ส.วิทยา จะส่งบุตรสาวลงสมัครแทน หากตนแพ้บุตรสาวท่านวิทยาตนคงอับอายไม่น้อย แต่ในที่สุดท่าน ส.ส.วิทยา ก็ลงสมัครด้วยตนเอง โดยตนคิดว่าหากตนแพ้ท่าวิทยา ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะตนเคยแพ้นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ แพ้ท่านสุขุมพันธ์ มาแล้ว หากจะแพ้ท่านวิทยาอีกครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ในที่สุดด้วยความตั้งใจจริงและหมัดเด็ดคือความตั้งใจจริง และการเดินหาเสียงธรรมดาไปเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา ไม่เปิดเวทีปราศรัยเพราะทราบดีว่าพรรคประชาธิปัตย์เขามีกูรูที่จะมาคอยติดตามและแก้เกมในการหาเสียงของผมได้หมด หากเราเอาหรือเปิดเผยกลยุทธ์การหาเสียงให้เขารู้หมดตั้งแต่ต้น แน่นอนเขาจะสามารถแก้ได้ทั้งหมด จนในช่วง 2-3 วันสุดท้ายตนจึงเปิดเวทีปราศรัยทำให้เขาแก้เกมไม่ทันและชนะการเลือกตั้งในที่สุด และเป็นการชนะที่ขาวบริสุทธิ์ไม่มีการใช้จ่ายเงินซื้อเสียงแท้แต่บาทเดียว เพราะตนไม่มีเงินทำการเมืองตามกรอบที่ กกต.กำหนดอย่างเคร่งครัด
“ตนมั่นใจว่านับจากนี้ตนจะสามารถพัฒนาพื้นลุ่มน้ำปากพนังให้เป็นที่รู้จักและดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งชาวยุโรปะละจากมาเลเซียที่เข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และหาดใหญ่ จ.สงขลา บนสโลแกนที่ว่า “แวะไหว้พระธาตุเมืองนคร แวะนอนลุ่มน้ำปากพนัง ชมวิถีชีวิตชุมชนสองฟากฝั่ง นั่งเล่าความหลังกันทั้งชุมชน” ทุกคนมีอาชีพ มีรายได้ คนเฒ่าคนแก่ก็ทำขนมขาก ข้าวเหนียวห่อกล้วย ทำขนมพื้นบ้านขายนักท่องเที่ยว ทำให้ลุ่มน้ำปากพนังมีชีวิตชีวาดีขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นบรรดาลูกหลานที่ไปใช้ชีวิต ไปทำงานในต่างถิ่น ไม่ว่าจะกรุงเทพ เชียงใหม่ที่ที่อื่น ๆ เขาก็จะได้หวนกลับมาอยู่บ้าน มาอยู่กับพ่อกับแม่ โดยเป็นความไฝ่ฝันสูงสุดของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายคืออยากเห็นลูกหลนกลับมาอยู่บ้านบนพื้นฐานเศรษฐกิจที่จะรองรับหากเขามีรายได้วันละพันสองพันเขาก็อยากจะกลับมาอยู่บ้านเดิม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้นคงจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะเมื่อก่อนหากตนทำอะไรมากเกินไปเขาก็จะหาว่าตนสร้างภาพ แต่ต่อไปจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วิถีชีวิตแบบเดิมที่เป็นตัวตนจริง ๆ ของผม ผมจะหวิดลูกคลักกับชาวบ้านให้ดู จะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด จะไม่ถือตัวว่าเป็น ส.ส. ผมเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เป็นนิสัยผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วผมพบเจอใครผมก็ยกมือไหว้ทักทาย ผมอยู่แบบชาวบ้าน ผมทำเป็นทุกอย่าง ขับเรือหางยาวเองก็เป็น จับลูกคลัก เก็บข้าวผมก็ทำเป็นทั้งหมด ผมไม่ต้องสร้างภาพดอะไรอีกจะเปลี่ยนแปลงไปสู้ชีวิตเดิม ๆ เหมือนมากที่สุดเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชาวบ้าน และผมอยากเห็นฝรั่งมาขวิดลูกคลักกับผม มาขับรถเอ็มจีวีในป่าสวนปาล์มกับผม แบบนี้” ว่าที่ ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมืองกล่าวในที่สุด.
ภาพ/ข่าว/คลิป ยุทธนะ เตมะศิริ สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช