- 16 พ.ย. 2564
2 ด็อกเตอร์หนุ่ม จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แอบเด็ดยอดอ่อน "บอนสี" วงจรปิดจับภาพนาทีเด็ดยอดอ่อนใส่กระเป๋า รับสารภาพเพิ่งหัดเลี้ยง 2 เดือน ขอร้องเจ้าของร้านอย่าแจ้งความ หวั่นกระทบงาน พร้อมโดนเรียกค่าเสียหาย 3.8 แสนบาท
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 น.ส.หัสยานนท์ จิรโรจนภูวดล หรือดรีม อายุ 30 ปี เจ้าของร้านสวนบอนสีน้องดรีม ภายในซอยงามวงศ์วาน18 แยก 3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว หลังมีการโพสต์คลิปภาพและข้อความว่า “เราจะปราณีด้วยการไม่ลงหน้าเต็ม และชื่อนามสกุลคุณ จะลบโพสต์ตามกลุ่มให้ แต่จะโพสต์คลิปการกระทำของคุณ เพื่อให้สวนต่างๆได้ระมัดระวัง
ทั้งนี้ ทั้งสองคนได้ขอโทษ และจ่ายค่าเสียหายจำนวน 387,500 บาท เรียบร้อย พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันเอาไว้ให้โอกาสโดยยังไม่แจ้งความ เพราะคนนึงเป็นถึงด็อกเตอร์ ม.ดัง ส่วนอีกคนก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม เราไม่อยากตัดอนาคตคุณ ส่วนยอดบอนสีที่เอาไป ฉันไม่รู้ว่าคุณเอาไปทำอะไรกันแน่ หรืออาจทำเงินให้คุณมากกว่าสี่แสน แต่ฉันหวังว่าจะไม่ได้เจอคุณทำกับใครที่ไหนอีก”
สำหรับร้านขายต้นบอนสีแห่งนี้เป็นร้านตั้งอยู่กลางซอย บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตรว. มีต้นไม้จำพวกบอนสีชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก ทางร้านได้สร้างเป็นเรือนปิดสำหรับป้องกันแมลงและควบคุมอุณหภูมิ ส่วนบริเวณรอบๆสวนมีรั้วกั้นปิดมิดชิด ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในหลายจุด
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านในวันที่เกิดเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน ชายคนแรกสวมเสื้อสีขาว คนที่สองสวมเสื้อสีดำ กำลังเดินดูต้นไม้ตามเรือนเลี้ยงต่าง ๆ ก่อนที่ชายเสื้อขาวเปิดพาสติกคลุมขึ้นพร้อมจากนั้นได้เอื้อมมือไปจับที่ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วเด็ดยอดอ่อนใส่ไว้ในมือ จากนั้นจึงหยิบกระถางต้นไม้ให้กับเจ้าของร้านดูเพื่อสอบถามราคาและถ่ายรูป
เจ้าของร้านกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นสวนบอนสีปิด แต่คนทั้งสองคนได้โทรเข้ามาหาตนโดยบอกว่าจะมาเลือกซื้อต้นไม้และขอดูไม้ด่างในสวน ตนก็เข้ามาเปิดสวนให้ทั้งสองคนเข้ามาเดินเลือกดูหาต้นบอนสีที่ถูกใจไป โดยผู้ก่อเหตุเสื้อขาวจะเลือกหยิบต้นบอนสีที่มีราคาแพงขึ้นมาสอบราคากับตนแต่ไม่ซื้อ แต่กลับเลือกซื้อต้นที่ราคาถูกประมาณ 400-500 บาทแล้วก็ออกไป
ต่อมาตนได้หยิบต้นไม้ออกมาเพื่อที่จะเตรียมนำส่งให้ลูกค้าต่างประเทศก็พบว่ายอดอ่อนของต้นที่เพิ่งงอกขึ้นมาถูกเด็ดหายไปจากต้นแล้ว ตนกับเพื่อนในร้านจึงช่วยตรวจสอบต้นบอนสีที่คนร้ายหยิบมาทำทีขอดูก็พบว่ามียอดอ่อนของต้นบอนสี อีก 5 ต้นถูกเด็ดยอดไปเหมือนกัน คือต้นเดรสชินี ราคา 2.5 แสนบาท ต้นเพชรสุวรรณ ราคา 5 หมื่นบาท ต้นหนุมานประสานกาย ราคา 3.6 หมื่นบาท และไม้ด่างเพาะเมล็ดสายพันธุ์ใหม่อีก 2 ต้น ราคา 4 หมื่นบาท และ 5 หมื่นบาท รวมมูลค่าความเสียหาย 387,500 บาท
น.ส.หัสยานนท์ กล่าวต่อว่า หลังทราบตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุทั้งสองรายแล้ว ตนได้ติดต่อไปให้ทั้งสองคนเดินทางกลับมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้เช้าวันต่อมาทั้งสองคนกลับมาที่ร้านพร้อมกับนำเงินมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกับขอร้องตนไม่ให้แจ้งความเอาเรื่อง เพราะทั้งสองคนมีดีกรีเป็นด็อกเตอร์มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง
โดยทั้งสองคนยอมรับว่าเพิ่งจะหัดเล่นต้นบอนสีมาได้สักสองเดือนแต่ไม่มีเงินซื้อ จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวเพื่อจะนำต้นอ่อนที่ขโมยได้ไปเพาะเยื่อขยายพันธ์ต่อ ซึ่งหลังถูกกล้องวงจรปิดทางร้านจำภาพพฤติกรรมทั้งหมดเอาไว้ ชายดีกรีด็อกเตอร์ทั้งสองรายอ้างว่าได้ขอยืมเงินเพื่อนมาจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นตน 3.8 แสนกว่าบาท เพื่อไม่ให้ตนเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะเกรงว่ากระทบต่อหน้าที่การงาน ส่วนเรื่องการขโมยเด็ดยอดอ่อนเพื่อนำไปเพาะเนื้อเยื่อนั้น ตนยังไม่เห็นว่ามีใครทำได้สำเร็จ
น.ส.หัสยานนท์ กล่าวว่า ช่วงนี้กระแสของต้นบอนสีกลับมาคึกคักอีกหนหลังจากห่างหายไปหลายสิบปี ทำให้ปัจจุบันทั้งบอนสีและไม้ด่างได้รับความนิยมราคาสูงขึ้น จึงมีคนร้ายก่อเหตุลักขโมยเป็นอย่างมาก วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการเดินทางทุกก้าวและการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ทั่วทุกมุมของร้าน
ข่าว/ภาพ-ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ