ทรงหายจากเจ็บ จากง่วง! เพียงได้ยินคำนี้... “ทรงพระเจริญ”... ทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขัน ทั้งที่เป็นเรื่องคราวพระประชวร!

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://www.tnews.co.th

"แจกปริญญาก็แจก ส่วนปวดฟันก็ปวด"

อาจารย์ผู้หนึ่งซึ่งจบมาจากประสานมิตรรุ่น ๒๕๑๒ เคยมาเล่าให้ฟังว่า กลางเดือนมีนาคมปีนั้นโชคดีได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันงานการศึกษาสัมพันธ์
“วันนั้น รู้สึกว่าพระองค์ทรงพระสำราญมาก ได้ประทับอยู่ในหอประชุมนานทีเดียว” เขาย้อนระลึกความหลังให้ฟังทำให้ผู้ประมวลรวบรวมหนังสือเล่มนี้ต้องตามไปค้นหาหนังสือประจำปีที่มหาวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ก็ได้พบพระราชดำรัสในวันนั้นซึ่งเต็มไปด้วยพระราชอารมณ์ขัน มีอยู่ตอนหนึ่งว่า...

"ขอเล่านิทานให้นิดหน่อยว่า ทำไมเวลาเชิญมาวิทยาลัยวิชาการศึกษา จึงกินเวลานานสำหรับตอบว่าจะมาหรือไม่มาเพราะว่ามานี่เป็นเวลาล่วงประมาณสองปีได้ มาที่วิทยาลัยวิชาการศึกษานี้เพื่อแจกปริญญา แล้วก็แจกปริญญาในห้องสมุด และไม่เป็นของแปลก เป็นการประหยัด


แต่ว่าวันนั้นเมื่อประมาณสองปีมาแล้ว ตอนเช้าได้ทำฟัน คือหมอฟันมา เจาะฟันเจาะจนเกือบจะทะลุคางไป (เสียงฮา)

จริงๆ...ถามหมอฟันข้างหลังนะ อย่างน้อยมีหนึ่งคนว่าการเจาะฟันนั้นเกือบจะทะลุคางเพราะว่าทะลุฟันซี่นั้นถึงราก ถอนเอาประสาทออก และหมอฟันทั้งหลายก็สนุกสนานไป (เสียงฮา)

ก็ต้องบอกไปอย่างนั้นไม่อย่างนั้นเขาเศร้ามาก (เสียงฮา) หมอฟันที่อยู่ข้างหลัง ที่ถอนประสาทออกไป แล้วก็ยังมีอีก ก็ถอนอีก เอาออกไปจนกระทั้งสามอันแล้ว กินเวลาประมาณสองชั่วโมง เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งยังไม่ได้รับประทานอาหาร ก็รับประทานไม่ไหวปากมันชาไปหมดที่เขาฉีดไว้ ยังอุตส่าห์ฉีดยาให้(หัวเราะ)

ทรงหายจากเจ็บ จากง่วง! เพียงได้ยินคำนี้... “ทรงพระเจริญ”... ทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขัน ทั้งที่เป็นเรื่องคราวพระประชวร!
 

ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ต้องมาที่นี่ ไม่ใช่ห้องนี้ ที่ที่แจกปริญญา ฤทธิ์ยาก็ยังอยู่ยังสบายดี แต่ว่าหน้าตาไม่ค่อยดี ก็แจกปริญญาไป นับจำนวนไป ที่นี้คราวหน้าก็ไม่กลัวถึงกว่าพันแน่ คราวที่แล้วถึง ๙๙๙ (เสียงฮา) ไม่ถึงพัน นับจำนวนผู้ที่มารับปริญญาแล้วก็ดูนาฬิกา อย่างที่ดูนาฬิกาอยู่ที่นี่ ที่จริงก็ดีใจ คราวนี้มีนาฬิกาแล้ว จะได้รู้เวลานับไปนับมา แจกไปแจกมา ก็มีคนหนึ่งที่ทำให้ตกใจ เขาเดินเข้ามาหา มารับปริญญา แล้วก็ด้วยความพอใจของเขา เขาร้องออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” (เสียงฮา)
ทรงหายจากเจ็บ จากง่วง! เพียงได้ยินคำนี้... “ทรงพระเจริญ”... ทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขัน ทั้งที่เป็นเรื่องคราวพระประชวร!
ที่จริงก็แปลกหน่อยหนึ่งในพิธี ถ้าเป็นอย่างฝรั่งเขาก็ถือว่าการแจกปริญญานี่เป็นพิธีใหญ่มาก การแจกปริญญานี้ต้องใส่เสื้อครุย ใส่อะไรต่างๆ แล้วก็ต้องมีการพูดกันใหญ่ แต่ว่าในพิธีนั่นเขาก็เดินเข้ามารับแล้วก็ร้อง “ทรงพระเจริญ” ความจริงตอนนั้นกำลังหลับอยู่ (เสียงฮา) ก็ตกใจตื่น(เสียงฮา)

การแจกปริญญานั้นที่จริงเป็นเทคนิคสูงมาก คือว่าเครื่องของคนเราถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์กลไก เราเสียเปรียบ เราปิดเครื่องอีกอย่างไม่ได้ แต่บังเอิญตอนนั้นการแจกปริญญาก็แจกปริญญา ปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน(เสียงฮา) ส่วนหลับในก็ส่วนหลับใน (เสียงฮา)

มีเสียงเขาบอก “ทรงพระเจริญ” ต้องโสตประสาท ตกใจตื่นทั้งตัว แต่ว่าหลังจากตกใจตื่นขึ้นมาอาการปวดฟันก็หายไป

จริงๆนี่พูดตามวิสัยของนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าที่จะแจกปริญญาต่อไป ทำด้วยความรู้ตัวด้วย แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเรามีกำลังใจ ที่บอกว่า “ทรงพระเจริญ” นั่นน่ะ เขาก็ทำด้วยความตั้งใจดี ด้วยความตื่นเต้นของเขา แต่ว่าทำให้เกิดผลดี ทำให้รู้สึกว่าเขาเอาใจช่วย อย่างงานอื่นๆ ก็เข้าใจว่าเหมือนกัน เวลาเราเหนื่อย ถ้ารู้ว่ามีคนที่เอาใจช่วยที่เห็นใจแล้วก็พยายามทุกอย่างที่จะทำ เพื่อให้งานทั้งปวงลุล่วงไปโดยดี มันก็เป็นการสนับสนุน แล้วก็เป็นการดีสำหรับส่วนรวม เพราะว่างานลุล่วงไปด้วยดี

ทรงหายจากเจ็บ จากง่วง! เพียงได้ยินคำนี้... “ทรงพระเจริญ”... ทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขัน ทั้งที่เป็นเรื่องคราวพระประชวร!

ลงท้ายปรากฏว่างานแจกปริญญาก็ลุล่วงไปโดยดีหลังจากนั้นทางท่านรัฐมนตรีไม่ใช่คนนี้-คนเก่า ที่ท่านก็น่านับถือเหมือนกัน ได้ทำประโยชน์ได้มากเหมือนกัน ก็เชิญไปดูโรงเรียนสาธิต ก็เลยขอท่านรัฐมนตรีว่าขอเติมสตีมเสียก่อน คือว่าหิวเต็มทน ก็ดีก็ได้รับประทานของว่าง แล้วก็ยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้ฟันหายปวดซึ่งที่จริงหายปวดแล้ว เพราะว่าดีที่มีคนสนับสนุน แต่ฟันยังไม่ยอมหายปวดก็ต้องใช้ยาระงับหน่อย...

ทรงหายจากเจ็บ จากง่วง! เพียงได้ยินคำนี้... “ทรงพระเจริญ”... ทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขัน ทั้งที่เป็นเรื่องคราวพระประชวร!

คัดเนื้อหาจาก พระราชอารมณ์ขันจากพระโอษฐ์ โดย วิลาศ มณีวัต

เนื่องในวันงานการศึกษาสัมพันธ์ของวิทยาลัยวิชาการศึกษา ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษา ถ.ประสานมิตร 15 มีนาคม 2512

ข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์  (ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์)

สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่ : สนใจติดต่อ Line ID : @gppbook

โทร : 0-2525-4242 ต่อ 201 หรือ 202

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ พ.ศ. 2493 และเคยมีผู้คำนวณว่า หากเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับนั่งครั้งละประมาณ 3 ชั่วโมง เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญา 470,000 ครั้ง จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ลดการพระราชทานปริญญาบัตรเฉพาะระดับมหาบัณฑิตขึ้นไป แต่มีพระราชกระแสตอบว่า “เสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น แต่ผู้ที่ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปีๆ เปรียบกันไม่ได้เลย” นอกจากนี้ก็ยังรับสั่งว่า “จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง”