คิดผิดคิดใหม่! เจออุปสรรค อย่าสักแต่โทษกรรมเก่า!! มาดู"8สาเหตุ" ที่ทำคุณเป็นทุกข์ ! เพราะทุกข์เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะผลของกรรมเก่าเสมอไป

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

อย่าโทษแต่กรรมเก่า เพราะทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะผลของกรรมเก่าเสมอไป

ย้อนกลับไปที่การพยากรณ์กรรมเก่าของสำนักแก้กรรมอีกครั้ง... สมมุติว่า ชายคนหนึ่งเดินทางไปที่สำนักแก้กรรมเพราะเพิ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าเขาเป็นโรคมะเร็งตับระยะที่หนึ่ง พอเล่าเรื่องราวของตนให้เจ้าสำนักแก้กรรมฟังแล้ว เจ้าสำนักแก้กรรมก็เริ่มนั่งหลับตาพยากรณ์กรรมเก่าทันที โดยอ้างว่าตนมีญาณทิพย์มองเห็นกรรมเก่าของชายคนนี้ เมื่อพยากรณ์แล้วก็อ้างว่า ชายคนนี้เคยทำกรรมชั่วบางอย่างไว้ในอดีตชาติ (เคยเกิดเป็นนายพรานฆ่าสัตว์ตัดชีวิต) ด้วยผลของกรรมอันนั้นจึงทำให้เขาเจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็งในชาตินี้ จากนั้นเจ้าสำนักก็บอกวิธีแก้กรรม (ด้วยพิธีกรรมต่างๆ) ให้เขาปฏิบัติ

นี่คือตัวอย่างของการโทษแต่กรรมเก่าของสำนักแก้กรรมส่วนใหญ่ เจ้าสำนักจะมีญาณทิพย์จริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่นอนก็คือ เจ้าสำนักไม่รู้จักคำสอนของพระพุทธเจ้า

ในสิวกสูตร[1] พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องของทุกขเวทนา (การเสวยความรู้สึกทุกข์) โดยชี้เฉพาะลงไปยังทุกขเวทนาที่เกิดกับร่างกายของมนุษย์ พระสูตรนี้อธิบายถึงที่มาของทุกขเวทนาทางร่างกายว่าเกิดจากสาเหตุต่างๆ ๘ ประการ สาเหตุที่เกิดจากผลของกรรมเก่าก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียง ๑ ใน ๘ ของสาเหตุทั้งหมดเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกขเวทนาทั้งหมดจะเกิดจากผลของกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว พระพุทธวจนะนี้จึงเป็นการตบหน้าลัทธิกรรมเก่าอย่างชัดเจน

 

[1] สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค, พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ ข้อที่ ๔๒๗-๔๒๙

ในพระสูตรดังกล่าวเล่าว่า  มีปริพาชก (นักบวชนอกพุทธศาสนา) คนหนึ่ง ถามพระพุทธเจ้าว่า บุคคลเสวยสุข ทุกข์ เพราะกรรมเก่าเป็นเหตุจริงหรือไม่?  พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า ทุกขเวทนาอันเป็นไปในสรีระ (หมายถึงความเจ็บป่วยทางกาย) เกิดขึ้นเพราะสมุฏฐานหรือสาเหตุ ๘ ประการ คือ

๑.  มี “ดี” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากถุงน้ำดีทำงานไม่ปกติ เช่น เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งทำให้ปวดท้องได้

๒.  มี “เสมหะ” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากเมือกในลำคอซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ

๓.  มี “ลม” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากความผิดปกติของลมในร่างกาย หรือหมายถึงความผิดปกติของความดันโลหิต

๔.  มีทั้งดี เสมหะ และลม เป็นสาเหตุร่วมกัน

๕.  มี “การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากการที่ร่างกายต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยฉับพลัน จนทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย

๖.  มี “การรักษาตัวไม่สม่ำเสมอ” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสม  เช่น  การที่ร่างกายต้องตรากตรำทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อน  ร่างกายอ่อนแอเพราะไม่ได้ออกกำลังกายหรือบริหารร่างกายให้แข็งแรง

๗.  มี “การถูกทำร้าย” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากการถูกผู้อื่นหรือสัตว์อื่นทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตี ถูกต่อย

๘.  มี “ผลของกรรม” เป็นสาเหตุ  หมายความว่า  ทุกขเวทนาอาจจะเกิดจากผลของกรรม (กรรมชั่ว) ที่เคยทำในอดีต (ไม่ว่าจะเป็นอดีตในชาติก่อนหรืออดีตในชาติปัจจุบันก็ตาม) ส่งผลให้เจ็บป่วยหรือได้รับทุกขเวทนา

จะเห็นได้ว่า การที่คนเราได้รับทุกขเวทนาทางร่างกายนั้นมีสาเหตุหลายอย่าง  ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะสาเหตุที่มาจากผลของกรรมเก่าเท่านั้น

เรื่องของชายคนที่เป็นโรคมะเร็งก็เช่นกัน  เจ้าสำนักแก้กรรมได้พยากรณ์กรรมเก่าโดยที่ไม่ถามเขาสักคำว่า ก่อนหน้านี้ เขามีพฤติกรรมใดบ้างที่อาจจะเป็นสาเหตุของความเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง  ถ้าเจ้าสำนักถามสักนิดก็จะรู้ว่า ชายคนนี้ชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ และดื่มมากจนเป็นโรคตับแข็งซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ  ถ้าเราจะวิเคราะห์ว่า ทุกขเวทนาอันได้แก่ความเจ็บป่วยจากโรคมะเร็งของชายคนนี้เกิดจากสาเหตุใดในบรรดาสมุฏฐานทั้ง ๘ อย่าง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน ก็จะได้ความว่า  ที่ชายคนนี้เป็นโรคมะเร็งอาจมีสาเหตุมาจาก “การรักษาตัวไม่สม่ำเสมอ” ของเขาเองก็เป็นได้  ไม่ได้เกิดจาก “ผลของกรรมเก่า” ตามที่เจ้าสำนักแก้กรรมกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ดังนั้น  การเพ่งโทษว่า ทุกขเวทนาหรือโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงทั้งหลายล้วนเกิดจากผลของกรรมเก่า จึงผิดไปจากหลักคำสอนของพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

 

 

 

ข้อมูลจาก : หนังสือ พุทธแท้แก้กรรมด้วยธรรมดี