กราบครั้งสุดท้าย...ก่อนละสังขาร !!! "หลวงตามหาบัว" เล่าถึงความงามสง่าของ "หลวงปู่เสาร์" ครั้งรู้ตัวว่าจะละสังขาร !!!

ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ละสังขารของ "หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล" ไว้ในการเทศนาธรรมตอนหนึ่ง ดังนี้

พระอาจารย์เสาร์นั้น เมื่อถึงมรณกาลของท่าน ท่านก็ไม่ทิ้งลวดลายของนักปฏิบัติ วาดภาพอันดีเด่นไว้ให้แก่หูแก่ตาของบรรดาศิษย์ผู้ใกล้ชิดในเวลานั้นอย่างเปิดเผย และขณะจะมรณภาพก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย...เป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก

จริงๆ แล้ว พระอาจารย์เสาร์ตั้งใจจะมรณภาพที่นครจำปาศักดิ์ซึ่งเวลานั้นเป็นของฝรั่งเศส  แต่บรรดาลูกศิษย์ทั้งพระและประชาชนจำนวนมากต่างก็ขออาราธนานิมนต์ท่านให้กลับมามรณภาพที่ฝั่งไทย

เมื่อคณะลูกศิษย์ที่มีจำนวนมากอาราธนาวิงวอน พระอาจารย์เสาร์ทนไม่ไหวก็จำต้องรับคำ  การทอดอาลัยในชีวิตซึ่งปลงใจจะปล่อยวางสังขารลงที่นครจำปาศักดิ์จึงได้ถอดถอนล้มเลิกไป จำต้องปฏิบัติตามความเห็นและเจตนาหวังดีของคนหมู่มาก ยอมรับปากคำและเตรียมลงเรือข้ามฝั่งลำแม่น้ำโขงกลับมาฝั่งไทย

กราบครั้งสุดท้าย...ก่อนละสังขาร !!! "หลวงตามหาบัว" เล่าถึงความงามสง่าของ "หลวงปู่เสาร์" ครั้งรู้ตัวว่าจะละสังขาร !!!

(หลวงตามหาบัว)

พอมาถึงท่าวัดศิริอำมาตย์ จังหวัดอุบลราชธานี ญาติโยมก็อาราธนาท่านขึ้นบนแคร่ แล้วหามท่านขึ้นไปสู่วัดนั้น  พอก้าวขึ้นสู่วัดและปลงท่านลงที่ลานวัดเท่านั้น ญาติโยมก็กราบเรียนท่านว่า

"บัดนี้มาถึงวัดศิริอำมาตย์ในเขตเมืองไทยเราแล้ว...ท่านอาจารย์"

เวลานั้นพระอาจารย์เสาร์นอนหลับตาเนื่องจากพยายามพยุงธาตุขันธ์มาตลอดทาง  จากนั้นท่านก็ลืมตาขึ้นแล้วถามว่า

"ถึงสถานที่แล้วหรือยัง?"

ญาติโยมจึงกราบเรียนถวายท่านว่า

"ถึงที่แล้วครับ"

ท่านก็พูดขึ้นมาว่า

"ถ้าเช่นนั้นจงพยุงผมลุกขึ้นนั่ง ... ผมจะกราบพระ"

พอเขาพยุงพระอาจารย์เสาร์ลุกขึ้นนั่งแล้ว ท่านก็ก้มกราบพระสามครั้ง  พอจบครั้งที่สามแล้วเท่านั้น ท่านก็สิ้นในขณะนั้นเอง ไม่อยู่เป็นเวลานาน!!

กราบครั้งสุดท้าย...ก่อนละสังขาร !!! "หลวงตามหาบัว" เล่าถึงความงามสง่าของ "หลวงปู่เสาร์" ครั้งรู้ตัวว่าจะละสังขาร !!!

(หลวงปู่เสาร์)

ขณะที่พระอาจารย์เสาร์จะสิ้นก็สิ้นด้วยความสงบเรียบร้อย และมีท่าทางอันองอาจกล้าหาญต่อมรณภัย ซึ่งมีลักษณะเหมือนม้าอาชาไนย ไม่มีความหวั่นไหวต่อความตายซึ่งสัตว์โลกทั้งหลายกลัวกันยิ่งนัก เพราะเมื่อท่านปฏิบัติจนรู้ถึงหลักความจริงแล้วย่อมถือเป็นคติธรรมดาว่า มาแล้วต้องไป เกิดแล้วต้องตาย จะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้  สติปัญญาที่ฝึกหัดอบรมมาจากหลักธรรมทุกแขนงก็ฝึกหัดอบรมมาเพื่อให้รู้ตามหลักความจริงที่มีอยู่กับตัว ... ก็เมื่อการไปการมา การเกิดการตาย เป็นหลักความจริงประจำตัวแล้วก็ต้องยอมรับหลักการด้วยปัญญาอันเป็นหลักความจริงฝ่ายพิสูจน์เช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้น  ท่านที่เรียนและปฏิบัติจนรู้ถึงขั้นนั้นแล้วจึงไม่มีความหวั่นไหวต่อการไปการมา การเกิดการตาย การสลายพลัดพรากจากสัตว์และสังขารทั้งของท่านและของผู้อื่น  ท่านจึงได้ชื่อว่าเรียนและปฏิบัติเพื่อ "สุคโต" (ไปดีแล้ว) อีกทั้งยังเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนรุ่นหลังตลอดมาจนบัดนี้

นี่เป็นประวัติของท่านพระอาจารย์เสาร์ที่วาดภาพอันดีและชัดเจนไว้แก่พวกเราเพื่อยึดเป็นคติเครื่องสอนคนต่อไป ... ไม่อยากให้เป็นทำนองว่า เวลามามีความยิ้มแย้ม แต่เวลาไปก็มีความเศร้าโศก ...

กราบครั้งสุดท้าย...ก่อนละสังขาร !!! "หลวงตามหาบัว" เล่าถึงความงามสง่าของ "หลวงปู่เสาร์" ครั้งรู้ตัวว่าจะละสังขาร !!!

(หลวงปู่เสาร์)

อ้างอิงข้อมูลจาก - ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ณ วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี