ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา”

๕๕ ปีแล้วที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” สธน ตันตราภรณ์ รองบรรณาธิการโว้กประเทศไทย ขอปัดฝุ่นอัลบั้มภาพออริจินัลจากคลังเก่าครึ่งศตวรรษ และเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ศิลป์ร่วมสมัย

๑. หนึ่งในบัลเลริน่าบท “บัวหลวง” อย่าง วาสนา บัณเย็น มารดาในเวลาต่อมาของ สาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา ภริยาอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เล่าว่าระหว่างการซ้อม ซึ่งกินเวลายาวนานร่วมปี บ่อยครั้งนักระบำซึ่งกำลังซอยปลายเท้าถอยหลังเข้าหลืบข้างเวทีได้บังเอิญชนเข้ากับบุรุษในเงามืดผู้หนึ่ง ก่อนจะพบว่าเงาลึกลับนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งคอยเสด็จเวียนมาแอบทอดพระเนตรการซ้อม ณ สวนอัมพร อย่างไร้พิธีรีตองเสมอ

๒. ปิแอร์ บัลแมง กูตูริเย่ร์หลวงจากกรุงปารีสเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับตัวละครหลัก และมีโอกาสเดินทางมาร่วมชมการซ้อมหลายครั้งหลายคราจนเป็นที่คุ้นชินของคณะระบำ

๓. แม้จะระบุอย่างเป็นทางการในภายหลังว่า จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติปี 2543 เป็นผู้แต่งหน้าให้กับเหล่านักแสดง หากความจริงแล้ว อาจารย์จักรพันธุ์ ซึ่งในขณะนั้นยังคงเป็นนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเพิ่งมีโอกาสแต่งหน้าละครเป็นครั้งแรก...ในฐานะมือสมัครเล่น

๔. เริ่มแรกนั้นอาจารย์จักรพันธุ์ติดตามสมาชิกในครอบครัวคือ ประจวบ ตันตราภรณ์ ไปเพื่อช่วยแต่งหน้าให้กับลูกสาวคือ จารุรัช ตันตราภรณ์ หนึ่งใน “กินรี” หากผลงานเป็นที่ประทับใจจน “คืนที่สอง คนเริ่มมาต่อคิวให้แต่งกันยาวเหยียด และเป็นอย่างนั้นไปทุกวัน ช่างคนอื่นยืนหน้าแห้ง” จารุรัชเสริมอีกว่า “ยังไม่มีใครรู้จักติดขนตากันเลยในงานนั้น น้าจักรพันธุ์ใช้เป็นรายแรกๆ”

๕. ผู้คิดค้นท่าระบำคือ เจเนเวียฟ เลสปันญอน เดมอน หรือ “แหม่มเดมอน” ศิลปินบัลเลต์สัญชาติฝรั่งเศส-อเมริกัน ครูระบำผู้ถวายการสอน ณ โรงเรียนจิตรลดา เธอบวกศาสตร์บัลเลต์ตะวันตกเข้ากับท่ารำของไทย

๖. บัลเลต์จัดแสดงด้วยกันหลายครั้ง ในขณะที่ตัวละคร “มโนห์รา” เปลี่ยนนางระบำไปเรื่อยๆ สำหรับฉบับปฐมฤกษ์คือ วนิดา สุขุม ส่วนการแสดงครั้งที่สองคือ ท่านผู้หญิง วราพร ปราโมช ณ อยุธยา หากที่โดดเด่นที่สุดคือ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงโปรดเกล้าให้จัดการแสดงถวายการต้อนรับเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนต์ เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศไทย ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดอยุธยา โดยแหม่มเดมอนเป็นผู้สวมบทมโนห์ราด้วยตนเอง

๗. ผู้สวมบทบาท “พระสุธน” ฉบับแรกเริ่มคือ สมศักดิ์ พลสิทธิ์ บิดาในเวลาต่อมาของ คาร่า พลสิทธิ์ นางแบบระดับซูเปอร์โมเดลของเมืองไทย ร่วมคณะเดียวกันยังประกอบด้วย สมชาย เชยโสภณ บิดาในเวลาต่อมาของ มาฬิศร์ เชยโสภณ นักแสดงละครโทรทัศน์ชื่อดัง ในขณะที่ทุกวันนี้เหล่าสาวๆ “ดอกบัว” ทั้งบัวหลวงและบัวสายต่างกลายเป็นคุณหญิงไปกันเกือบหมดแล้ว

๘. ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงดนตรี “สุนทราภรณ์” รับหน้าที่อำนวยเพลง ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเรียบเรียงเสียงประสานขึ้นใหม่ด้วยพระองค์เองจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ดั้งเดิมคือ “แสงเดือน” “เริงวนารมณ์” “พรานไพร” “ภิรมย์รัก” และ “อาทิตย์อับแสง” ก่อนพระราชทานนามใหม่ให้ว่า “กินรีสวีท”

๙. หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้รำไหว้ครูเบิกโรง เพื่อสร้างสิริมงคลแก่คณะทีมงานและนักแสดง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของนาฏศิลป์ไทย

 

เป็นบุญตายิ่งนัก!! ๕๕ ปีที่แล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ภาพ)

เป็นบุญตายิ่งนัก!! ๕๕ ปีที่แล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ภาพ)

 

(คลิป)

เป็นบุญตายิ่งนัก!! ๕๕ ปีที่แล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ภาพ)

เป็นบุญตายิ่งนัก!! ๕๕ ปีที่แล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ภาพ)

เป็นบุญตายิ่งนัก!! ๕๕ ปีที่แล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ภาพ)

 

ขอบพระคุณข้อมูล http://www.vogue.co.th