- 05 ธ.ค. 2562
ไม่ใช่แค่การเป็นที่พึ่งพิงให้คนไทยเท่านั้น แต่"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาลที่ 9 ยังมีพระกรุณาไปถึงคนต่างชาติต่างถิ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย เหมือนอย่างกับครอบครัวของคุณสาธิต เซกัล นายกสมาคมนักธุรกิจอินเดียไทย ชาวอินเดียที่ได้รับโอกาสให้มีงานทำ มีรายได้ จนสามารถลืมตาอ้าปากอยู่สุขสบายจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งวันนี้เราได้นำบทสัมภาษณ์ของเขามาเผยแพร่ให้คนไทยได้อ่านกันด้วย
ไม่ใช่แค่การเป็นที่พึ่งพิงให้คนไทยเท่านั้น แต่"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาลที่ 9 ยังมีพระกรุณาไปถึงคนต่างชาติต่างถิ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย เหมือนอย่างกับครอบครัวของ "คุณสาธิต เซกัล" นายกสมาคมนักธุรกิจอินเดียไทย ชาวอินเดียที่ได้รับโอกาสให้มีงานทำ มีรายได้ จนสามารถลืมตาอ้าปากอยู่สุขสบายจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งวันนี้เราได้นำบทสัมภาษณ์ของเขามาเผยแพร่ให้คนไทยได้อ่านกันด้วย
โดย "สาธิต เซกัล" เป็นนักธุรกิจสิ่งพิมพ์ชาวอินเดีย ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าอินเดีย-ไทย หอการค้าไทย-อิสราเอล และประธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย
ซึ่ง "เซกัล"เกิดที่เมืองเดลี ประเทศอินเดีย เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 5 ปี ครอบครัวเป็นชาวไทยฮินดูเชื้อสายอินเดียจากรัฐปัญจาบ และเคยใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีมาก่อน โดยสามารถพูดภาษาอีสานได้อย่างคล่องแคล่ว จบการศึกษาจากวิทยาลัย Hans Raj มหาวิทยาลัยเดลี เคยทำงานที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ก่อนจะมาเปิดธุรกิจนิตยสารภาษาอังกฤษเป็นของตัวเอง
“ครอบครัวผมอพยพมาจากอินเดียเมื่อปี ค.ศ.1932 สมัยนั้นอินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ คุณลุงของผมตัดสินใจเดินทางมาด้วยคำชวนของเพื่อนที่ว่า ไปทำงานหากินที่ประเทศสยามดีกว่า “กษัตริย์ท่านใจบุญ ทรงดูแลประชาชนอย่างดี และต้อนรับชาวต่างชาติ” คุณลุงเริ่มทำงานรับจ้างได้เงินเดือน 200 บาท จนสามารถสร้างฐานะเป็นพ่อค้าผ้าชาวอินเดียรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 จึงชวนพ่อแม่ ผม และน้องชาย มาอยู่ประเทศสยามในปี ค.ศ.1947 ฉะนั้นคุณลุงกับคุณพ่อจะสอนผมเสมอว่า ต้องไม่ลืมบุญคุณแผ่นดินไทยและบุญคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พวกเราไม่ลำบากและเหน็ดเหนื่อยเหมือนตอนอยู่ที่อินเดียก็เพราะพระองค์
คำเหล่านี้ฝังอยู่ในสมองผมมาตั้งแต่เด็ก คนส่วนใหญ่คิดว่าผมเป็นอัครเศรษฐี แต่ชีวิตผมที่อยู่กับคุณแม่สองคน ไม่ต้องการอะไรมากมาย อยู่แบบง่ายๆ สบายๆ ไม่เที่ยว ไม่ชอบสังคมหรูหรา ติดดิน รถของผมใช้มา 22 ปีแล้ว เพราะผมน้อมนำพระบรมราโชวาทเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ ถ้าสังคมไทยนำเศรษฐกิจพอเพียงของท่านมาใช้ ปัญหาครึ่งหนึ่งจะหายไป ซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ความยากจนของประชาชน วันนี้ชาวบ้านส่วนหนึ่งแทนที่จะนำคำสอนนี้ไปปฏิบัติ กลับหลงในสิ่งผิด นำเงินไปซื้อสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในชีวิต ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผมทำกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เริ่มจากซื้อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สั่งทำสติ๊กเกอร์ “เรารักในหลวง” เป็นหมื่นๆใบ แล้วเดินแจกตามสถานที่ที่มีการชุมนุม ผมทำคนเดียวเงียบๆ ไม่ต้องการดังหรือมีชื่อเสียง แต่สิ่งที่ผมได้รับคือความภูมิใจที่มีส่วนในการจุดประกายความรัก เคารพ และเทิดทูนสถาบันที่มีอยู่ในจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่แต่ไม่แสดงออก ถ้าเราไม่บอกหรือแสดงออกกับพ่อแม่ว่าเรารัก แล้วท่านจะรู้ไหม ผมมาจากประเทศอินเดียที่มีกษัตริย์เป็นร้อยๆพระองค์ ผมศึกษาประวัติของกษัตริย์ทั่วโลกทั้งอดีตและปัจจุบัน ทำให้ผมรู้ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาลที่ 9 เพราะทรงมีแต่ให้ ตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ทรงเหน็ดเหนื่อยกับประชาชนไทยมาตลอด เสด็จพระราชดำเนินไปช่วยเหลือประชาชนทั้งเหนือ อีสาน ใต้ แล้วเสด็จแปรพระราชฐานเป็นเดือนๆเพื่อหาทางสร้างอาชีพให้ชาวบ้านมีรายได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกเสมอว่า “ไม่มีกษัตริย์ไหนในโลกนี้ที่ดีเท่ากับ"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาลที่ 9”
อ้างอิงข้อมูลจาก - นิตยสารแพรว , เฟสบุ๊คเพจ ธรรมราชาผู้สร้างแผ่นดิน