กีฬาอาชีพ ธุรกิจหมื่นล้านของคนไทย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tnew.co.th

กีฬาอาชีพ ธุรกิจหมื่นล้านของคนไทย

 

ในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับวงการกีฬาเป็นอย่างมาก เนื่องจากกีฬาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คน รวมถึงยังมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ย้อนไปเมื่ออดีตกีฬาเป็นกิจกรรมหรือการเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย แต่ปัจุบันกีฬากลับมามีบทบาทต่อการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคมให้กับชาติต่างๆ เป็นอย่างมาก

ตราบใดที่กระแสโลกยังมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าสู่การแข่งขันด้านต่างๆ อย่างเอาจริงเอาจัง **"กีฬา"** จึงเป็นตัวเลือก หรือกิจกรรมหนึ่งที่ทุกชาติจะมองข้ามไม่ได้โดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้วจะมีการนำเอากิจกรรมกีฬาเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการพัฒนาคน และพัฒนาชาติ

ไทยเองก็เช่นกัน ณ วันนี้ ทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล และภาคเอกชนเริ่มหันมาให้ความสนใจในการยกระดับพัฒนาวงการกีฬาของไทยกันอย่างเอาจริงเอาจังเพราะกีฬาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์และให้ความสุขแก่สมาชิกในสังคมและครอบครัวโดยเฉพาะโอกาสที่นักกีฬาไปสร้างผลงานนำชัยชนะและชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ผู้คนในสังคมไทยต่างก็มีความสุขกันถ้วนหน้า

ขณะเดียวกันปัจจุบันกีฬายังเป็นหนึ่งในธุรกิจที่รัฐบาลและผู้ประกอบการเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนจนนำไปสู่การขับเคลื่อนเพื่อต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมตามนโยบายของรัฐบาลในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา

กระทั่งปัจจุบันกีฬาอาชีพของเมืองไทยกลายเป็นธุรกิจหลักที่ทำรายได้ ทำเงินหมุนเวียนในวงจรตลาดกีฬาในประเทศ รวมถึงระดับทวีป และระดับโลกอย่างมหาศาลหลักหมื่นล้านกันไปแล้ว

**การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)** ที่เป็นหน่วยงานฝ่ายปฏิบัติจากภาครัฐที่สามารถผลักดันให้กีฬาอาชีพของไทยเติบโตขึ้นมาจากเมื่อก่อนแทบจะไม่มีอะไรเลย จนเดี๋ยวนี้กีฬาอาชีพเป็นแหล่งเงินแหล่งทองของบุคลากรกีฬาไปอย่างเต็มตัว อาชีพนักกีฬาเมื่อก่อนใครๆ ก็มองว่าไม่มั่นคงเพราะมีข้อจำกัดเรื่องของอายุในการเล่นกีฬา กระแสความสนใจก็น้อย แต่ กกท.สามารถทำให้กลายเป็น **"ขุมทรัพย์"** ใหม่ให้คนกีฬาได้อย่างเต็มภาคภูมิในปัจจุบัน

ไม่เพียงแค่สร้างรายได้ให้กับตัวบุคลากรกีฬาอาชีพเท่านั้น ธุรกิจกีฬาอาชีพในปัจจุบันยังกลายเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลภายใต้ผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงหญิงแกร่งหัวเรือใหญ่กระทรวงกีฬาอย่าง "มาดามน้อง" **กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร** รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำมาเกื้อกูลส่งเสริมดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยวในเมืองไทย

หรือที่เราเรียกกันว่า **"สปอร์ตทัวริซึ่ม"** นั่นเอง ซึ่งจากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากตัวเลขนักท่องเที่ยวภาพรวมทั้งหมดของประเทศในปี 2559 ที่ผ่านมา กว่าร้อยละ 30.52 เปอร์เซนต์เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยผ่านกิจกรรม **"สปอร์ตทัวริซึ่ม"** ของรัฐบาล และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศเฉพาะยอดนักท่องเที่ยวในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท

เมื่อกีฬาเข้ามามีส่วนกับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้นตามลำดับ ในด้านเศรษฐกิจนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนจึงเข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนเพื่อส่งผลให้ปรากฏเป็นรูปธรรมที่จะทำให้เห็นว่ากีฬากำลังเข้ามาเป็นหนึ่งในเส้นเลือดใหญ่ของการพัฒนาเศรษฐกิจชาติโดยเฉพาะรัฐบาลนั้น

 **กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร** รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศในลักษณะของสปอร์ตทัวริซึ่ม โดย **กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร** รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เคยแสดงความมั่นใจว่า ทั้งกีฬา และท่องเที่ยวจะช่วยทำให้รายได้รวมด้านการท่องเที่ยวของประเทศจากเดิมปี 2559 จำนวน 2.23 ล้านล้านบาท จะขยับไปอยู่ที่ 2.30 ล้านล้านบาท หรือ 2.40 ล้านล้านบาทเมื่อจบปี 2560

จากข้อมูลรายงานการประเมินผลการแข่งขันกีฬาอาชีพของ กกท. ตามหลักเกณฑ์ประกาศกำหนดชนิดกีฬาอาชีพ ประจำปี 2559 ที่ผ่านมา 13 ชนิดกีฬาอาชีพ 42 รายการแข่งขันที่ได้จัดทำรายงานเสนอต่อสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังนั้น มีการสรุปตัวเลขประเมินกันว่าธุรกิจกีฬาอาชีพเฉพาะ 13 ชนิดกีฬาให้การสนับสนุนสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนทะลุหลักหมื่นล้านตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ของรัฐบาล

รัฐบาลกำหนดตัวชี้วัดกีฬาอาชีพไว้ 6 ข้อหลักๆ ประกอบด้วย 1.ประเทศชาติได้รับประโยชน์ พิจารณาจากมีเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมกีฬาพิจารณาจากค่าใช้จ่ายต่อหัว / วัน / คน  (ที่พัก อาหาร และขนส่ง) ของนักกีฬา และบุคลากรสาขาต่างๆ 2.จัดแข่งขันเป็นระบบมาตรฐานสากล 3.การแข่งขันเป็นที่นิยม 4.มีรายได้จากการแข่งขัน 5.นักกีฬามีขีดความสามารถสูง และ6.สมาคมหรือผู้จัดแข่งขันมีการบริหารจัดการเป็นระบบมีมาตรฐาน

"มาดามน้อง" **กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร** รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า ตลอดปี 2560 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคงวางยุทธศาสตร์การพัฒนากีฬาไว้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกีฬาอาชีพที่มีตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดี และน่าพึงพอใจ ทั้ง 13 ชนิดกีฬาอาชีพ ประกอบด้วย ฟุตบอล, แบดมินตัน, ตะกร้อ, วอลเลย์บอล, สนุกเกอร์, โบว์ลิ่ง, มวยไทย, แข่งรถยนต์, รถจักรยานยนต์, เทเบิลเทนนิส, เทนนิส, กอล์ฟ และบาสเกตบอล หลายชนิดกีฬาเติบโตอย่างพุ่งพรวด อย่างเช่น ฟุตบอล และกอล์ฟ รวมไปถึงแบดมินตัน ที่มีนักกีฬาไทยไปประสบความสำเร็จในระดับโลก ส่วนการจัดแข่งขันกีฬาอาชีพในประเทศที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจจากรัฐบาลอย่างมาก หลายๆ กีฬาบูมขึ้นมา เมื่อมีการแข่งขันเกิดขึ้นและกระจายไปทั่วภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ในวงจรอันจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศอีกด้วย ดังนั้นวันนี้กีฬาอาชีพของไทยถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จสูง และเอื้อต่อการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดไปในตัว

**"มาดามน้อง"** บอกต่อไปว่า เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจกีฬาอาชีพของไทยให้เติบโตอีกสู่ระดับเอเชีย และระดับโลกอย่างยั่งยืนด้วยนั้น กระทรวงกีฬาจึงพยายามสุดตัวที่จะให้ดึงเกมการแข่งขันกีฬาอาชีพระดับโลกมาจัดแข่งขันในเมืองไทย รวมถึงการจัดประชุมด้านกีฬาต่างๆ ทั้งนี้เพื่อหวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทย สร้างเงินสะพัด โดยที่เรายื่นเสนอตัวมาได้แล้วและเป็นไฮไลต์หลักเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงคือ การที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ "โมโตจีพี" ยาว 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2561-2563 และการจัดกระชุมสปอร์ตแอคคอร์ด

**รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา** กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจกีฬาในยุคนี้เติบโตไปได้ด้วยดี ยิ่งมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ บุคลากรกีฬาในทุกมิติด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า กีฬาอาชีพของไทยยังเติบโตและจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการหารายได้เข้าสู่ประเทศของไทยไปได้อีกนาน

ยุคนี้เป็นยุคทองของกีฬาอาชีพของเมืองไทยอย่างแท้จริง

หากทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล และเอกชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง อนาคตกีฬาอาชีพของไทยจะก้าวกระโดดไปไกลกว่านี้อีก

ไม่เชื่อคอยดู...